วันที่ (13 ม.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำ ฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงความพร้อมในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ ว่า หลังจากพรรคมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ มารับผิดชอบดูแลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ได้รวบรวมเรื่องราวการบริหารงานของรัฐบาลนี้ ทั้งเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ที่ทำให้สังคมไม่สบายใจ การเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องตัวเอง การบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ มีรัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายถูกยื่นอภิปราย 4-5 คน เป็นไปตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้เคยให้ข้อมูลไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำที่กำกับดูแลด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง การบริหารที่บกพร่องเกิดขึ้น คงจะปฏิเสธ แยกออกจาก นายกฯ ไม่ได้ คงจะถูกอภิปรายมากหน่อย ส่วนรัฐมนตรีที่อาจจะถูกอภิปรายเพิ่มนั้น ในฐานะที่ผมเป็นผู้ประสานงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้พูดคุยกันอยู่ตลอด สิ่งที่พอสรุปได้ชัดเจน คือ จะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วง วันที่ (20 ม.ค.) แม้การกำหนดวันอภิปราย เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ไม่มีการระบุกรอบเวลาเอาไว้ชัดเจน แต่เราก็ไม่อยากจะยื่นญัตติเร็ว เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะมีการกำหนดวัดอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ (25 ม.ค.) ซึ่งตรงกับเทศกาลตรุษจีน อาจทำให้การอภิปรายไม่ค่อยได้รับความสนใจ
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรครร่วมฝ่ายค้าน จะไม่ใช้เวทีดังกล่าวสร้างวาทกรรมมุ่งโจมตี ขณะเดียวกันเวทีนี้ก็ไม่ใช่เวทีที่จะมีฝึกพูด พรรคฝ่ายค้านกำลังทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ตรวจสอบถึงความไม่ชอบมาพากล ไร้ประสิทธิภาพการบริหารงาน รัฐมนตรีที่จะถูกยื่นอภิปรายจะมีเพิ่มอีกหรือไม่ พรรคเพื่อไทยไม่ได้ปิดกั้น ให้แต่ละพรรคไปดูเรื่องที่จะอภิปรายแล้วมาตกลงกัน” นายภูมิธรรม กล่าว
โดยหลังจากนี้ จะมีการนัดคุยกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้ง ในเรื่องของผลการอภิปราย ฝ่ายค้านที่มีเสียงข้างน้อย ในภาวะที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ การอภิปรายของฝ่ายค้านอยู่ในเหตุและผล แล้วให้สังคมร่วมตัดสินใจ รัฐบาลหากแก้ปัญหาจัดการไม่ได้ก็คงบริหารไม่ได้ เพราะประชาชนไม่ให้ความเชื่อมั่น เมื่อดูจากปรากฎการณ์ที่ประชาชนแสดงออกถึงความไม่พอใจที่มาต่อรัฐบาล ยิ่งสะสมมากขึ้น สิ่งที่รัฐบาลแก้ได้ โดยเร่งจัดการกับปัญหาทุจริตคอรัปชั่น เปลี่ยนคนที่ไร้ประสิทธิภาพ แก้ปัญหาไม่ได้ หากรัฐบาลเร่งทำก่อน อาจทำให้ความรู้สึกประชาชนที่มีต่อรัฐบาลดีขึ้นก็ได้
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะมีการควบคุมสมาชิกของพรรคอย่างไร เพื่อให้โหวตไปในทิศทางเดียวกัน
“ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ ด้วยความที่เป็นพรรคการเมือง เราต้องยืนหยัดในผลประโยชน์ของประชาชน อย่าทำอะไรที่ฝืนความรู้สึกประชาชน ถ้ามีสำนึกโดยรวม บุคคลหรือนักการเมืองใครก็ตาม ถ้าไม่สบายใจไม่สะดวกใจที่จะอยู่ในพรรคการเมือง ก็ควรพิจารณาตัวเองลาออกไปเลือกหนทางการเมืองของตนใหม่ แต่ถ้ายังอาศัยร่มไม้ชายคาอยู่ หากทำอะไรที่ผิดมติของพรรค ในทางการเมืองถือว่าผิดจริยธรรมทางการเมืองอย่างร้ายแรง” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ในส่วนของการสอบสวน ส.ส. ของพรรคที่เคยโหวตสวนมติพรรคนั้น ทางพรรคได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แม้มีบางคนที่ยังติดขัดจะมาให้ข้อมูล เนื่องจากที่ผ่านมาเดินทางไปต่างประเทศ ทางพรรคก่อนจะตัดสินใจก็จะดูตามข้อมูล สิ่งต่าง ๆ แล้วพิจารณาออกมาตามเนื้อผ้า