ช่อ พรรณิการ์ เมินคดีหมิ่นประมาท “เอ๋ ปารีณา” ชี้มีเรื่องสำคัญกว่านี้เยอะ ซัด “ดอน” พูดคลาดเคลื่อนปม “วันเฉลิม” โยง ม.112 สวนกลับในอดีตสหรัฐฯเคยแสดงความกังวลต่อการใช้ ม.112 ในไทย
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.อนันต์ วงศ์คำ รองผู้กำกับฝ่ายสอบสวน และร.ต.ท.ทัยวัฒน์ วิวัฒน์เกียรติ รองสารวัตรสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งความเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า น.ส.พรรณิการ์ ได้กล่าวหาว่า น.ส.ปารีณา ว่าทำให้สังคมแตกแยก
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ตนเพิ่งได้รับหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เมื่อ 2-3 วันก่อน ซึ่งปกติแล้วตำรวจจะทำงานช้าบ้างเร็วบ้าง หากคดีไหนอยู่ในความสนใจประชาชนก็จะเร่งรัดดำเนินการ แต่คดีนี้ผ่านมา 1 ปีแล้ว เพิ่งมีหมายเรียกนั้นช้าไปหรือไม่ หรือมีเหตุอะไรทำให้ต้องออกหมายเรียกในช่วงนี้หรือไม่ ทั้งที่ตอนนี้ประเทศไทยมีเหตุการณ์อะไรที่น่าสนใจมากกว่าคดีเล็กน้อยแบบนี้ ทั้งเรื่องโควิด-19 และเงินกู้งบประมาณ 1 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ คดีนี้ตนไม่มีความกังวลใดๆ
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ที่รัฐสภามีการตอบกระทู้สดเรื่องนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ลี้ภัยการเมืองไปอยู่ประเทศกัมพูชาแล้วถูกอุ้มตัวหายไป ทำให้ตนผิดหวังกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ แทนที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจในกระทรวงการต่างประเทศ ในการดูแลคนไทยที่ตกทุกข์ในต่างแดน แต่กลับไม่แสดงความกระตือรือร้นการติดตามหาตัวนายวันเฉลิม ทั้งที่เป็นภารกิจกระทรวงการต่างประเทศ จะดูแลคนไทยโดยไม่แบ่งว่าเป็นคนส่วนมากหรือส่วนน้อย
“แต่นายดอนกลับแถลงต่อสภาโดยยกบทสนทนาลอยๆ ว่าได้ชี้แจงกับทูตต่างประเทศว่า ไม่มีชาติใดติดใจกับกฎหมายอาญา ม.112 และไม่ทราบว่านายดอน ไปพูดกับใคร หรือมีพยานให้ตามสืบค้นได้ แต่ยืนยันว่าช่วงปี 2559-2560 เคยมีทูตสหรัฐอเมริกาประจำไทย และองค์กรสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุถึงความกังวลการละเมิดสิทธิของประชาชนทางการเมือง และให้ทางการทบทวนแก้ไข ม.112 เพราะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือการเมือง” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว