เรือดำน้ำ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวกรณีกองทัพเรือออกมาชี้แจงความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำ และการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีว่า แม้โฆษกกองทัพเรือออกมาระบุว่า เป็นตามยุทธศาสตร์ไทยเหมือนกับประเทศเยอรมัน เรื่องนี้ตนไม่เถียง ที่มีความจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำเพราะมีทะเลถึง 2 ฝั่ง
แต่ในการจัดซื้อเรือดำน้ำ ต้องเป็นการลงนามระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจีเท่านั้น ห้ามไปข้องแวะกับบริษัทเอกชน แต่กองทัพเรือไปลงนามกับ China Shipbuilding and Offshore International Company (CSOC) รวมทั้งทางรัฐบาลจีน นายสีจิ้นผิงประธานาธิบดีจีน ก็ไม่เคยออกมาระบุว่าได้มอบหมายให้บริษัทใดมาเป็นตัวแทน การที่กองทัพเรือระบุว่า จัดซื้ออย่างถูกต้องมีมติการจัดซื้อพิเศษจากกองทัพเรือ และมีมติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่การจะใช้ระเบียบอะไรนั้น สุดท้ายก็ไปจบที่ รัฐธรรมนูญมาตรา 178 ระบุไว้อย่างชัดเจน หนังสือสัญญาอื่นที่อาจกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาฯ ต้องพิจารณาเสร็จใน 60 วัน นับแต่ได้รับเรื่อง
ถึงแม้กองทัพเรือบอกมีมติพิเศษจากกองทัพเรือ มีมติจากครม. แต่อยากถามว่า มีมติไหนใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญมาตรา178 หรือไม่ หากยืนยันว่ามีการจัดซื้อระหว่าง รัฐต่อรัฐแบบจีทูจี ยังไม่เคยมีสัญญาจีทูจี เข้ามาพิจารณาในรัฐสภาฯ เพื่อขอความเห็นชอบเลย การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุว่า จัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนเพราะซื้อ 2 ลำ ได้แถมฟรี 1 ลำ แต่เมื่อไปตรวจสอบดู พบว่ามีการจ่ายเงินทั้งหมด 3 ลำ แล้วลำที่ฟรีอยู่ที่ไหน
ทั้งนี้ ยืนยันว่า บริษัท CSOC ไม่ใช่มาจากรัฐบาลจีน รวมทั้งในการแถลงข่าวกองทัพเรือ ไม่เคยพูดสักครั้งว่าประธานาธิบดีจีน มอบหมายให้บริษัทใดมาลงนามแทนรัฐบาลจีนหรือไม่ ในวันอภิปรายรัฐบาลโดยไม่ลงมติ วันที่ 9 ก.ย.นี้ จะเปิดหลักฐานเด็ดว่าบริษัทดังกล่าวที่ไม่ใช่มาจากรัฐบาลจีน และกองทัพเรือไม่ได้ซื้อแบบจีทูจริง หากเปิดหลักฐานดังกล่าวออกไป จะกระเทือนไปถึงการซื้อเรือดำน้ำลำที่1 ด้วย ขอย้ำว่าเรื่องนี้ ไม่มีมวยล้มต้มคนดู มีหลักฐานพร้อมนำไปเปิดในสภาฯ