เศรษฐกิจไทย นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ สส. หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า รู้สึกกังวลอย่างมากเมื่อได้อ่าน บทความใน นิเคอิ เอเชีย สื่อหลักของประเทศญี่ปุ่น เรื่อง “เศรษฐกิจไทยหายนะแบบสโลโมชั่น” ของ วิลเลียม พีเซก ที่เป็นคอลัมนิสต์ที่มีชื่อเสียงมีประวัติเคยเตือนเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในอดีต และเคยเขียนถึงประเทศไทยหลายครั้งซึ่งก็เป็นจริงมาตลอด
โดยการเตือนครั้งนี้น่าเป็นห่วงมาก เพราะเตือนว่าเศรษฐกิจไทยภายใต้การนำอย่างไม่มีวิสัยทัศน์ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดหนักต่อไปอีกถึง 10 ปี หลังจากที่ทรุดหนักมาก่อนหน้านี้แล้ว เหมือนตอกย้ำเรื่อง “ทฤษฎีกบต้ม” ที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจเคยเตือนไว้หลายปีแล้ว แต่กลับถูก คสช. ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ ดำเนินคดี ดังนั้น จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ศึกษาบทความและเร่งแก้ไขปรับปรุงกรอบคิด
ทั้งนี้ บทความได้ตอกย้ำเรื่องที่ คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้แล้วหลายประเด็น เช่น เรื่องการเร่งสร้างบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่ายูนิคอร์น การเร่งแก้ไขปัญหาการว่างงาน การปรับแพลตฟอร์มประเทศ การมีวิสัยทัศน์วางแผนประเทศต่อไปในอนาคต ซึ่งพลเอกประยุทธ์ ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจหรืออาจจะไม่มีความรู้
นอกจากนี้ ไทยยังเจอปัญหาคอรัปชั่นอย่างหนัก โดยดัชนีคอรับชั่นของไทยร่วงลง 3 อันดับใน CPI 2020 ได้ 36 คะแนน ทั้งนี้มาจากปัญหา สินบนบ่อนพนัน-ลักลอบขนแรงงาน ที่เป็นปัญหาของการแพร่เชื้อไวรัสรอบใหม่ด้วย ทำให้ประเทศไทย ได้อันดับที่ 104 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ตกลงมา 3 อันดับ โดยไทยได้อันดับ 101 เมื่อ ค.ศ. 2019 มีคะแนน 36 คะแนน จาก 100 คะแนน ส่วนอันดับในอาเซียน ไทยอยู่ที่ 5 เท่ากับประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ ข้อมูลจากการสำรวจของ IMD ที่พลเอกประยุทธ์เคยอ้างอิงถึงยังมี คะแนนลดลง 4 คะแนน จาก 45 เหลือ 41 ซึ่งแสดงถึงปัญหาการทุจริตที่ย่ำแย่ลงอย่างมาก
ทั้งนี้ อยากให้พลเอกประยุทธ์ได้พิจารณา 19 เรื่องที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคนเพื่อไทยได้เสนอไว้ เพราะยังมีครือข่ายแรงงานฯ ออกมาทวงเยียวยา 5 พันบาทถ้วนหน้า และให้ตัดงบกองทัพ ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเรียกร้อง อีกทั้ง รัฐบาลยังไม่เห็นความสำคัญของแรงงานที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เลย ต้องถูกตำหนิและถูกเรียกร้องถึงเพิ่งจะคิดเยียวยา
อย่างไรก็ดี คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย อยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์เร่งช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ให้ผ่านวิกฤตไวรัสโควิดนี้ไปได้ โดยปรับวงเงินทั้งหมด 9 แสนล้านบาทจากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้มาช่วย SMEs ทั้งหมด โดยผ่อนคลายเงื่อนไขการปล่อยกู้ โดยรัฐต้องคำ้ประกันหนี้เสีย และ หากยังไม่พอ ก็ต้องเพิ่มวงเงิน
นอกจากนี้ ยังอยากให้พลเอกประยุทธ์เร่งปรับวงเงินจากโครงการจ้างงานใหม่ 250,000 ตำแหน่ง ที่รัฐบาลเคยคุยโวไว้ตอนปรับ ครม. ใหม่ ๆ แต่กลับไม่ได้ทำ โดยให้มาเป็นเงินสนับสนุน SMEs ให้รักษาการจ้างงาน อย่างน้อย 50% ของเงินเดือน เพื่อป้องกันการตกงาน และหากจำเป็นก็ควรต้องเพิ่มวงเงินเพื่อแก้ปัญหาการว่างงานที่จะเป็นปัญหาใหญ่ ทั้งนี้หากมีการจัดการให้มีการฉีดวัคซีนได้ทั่วถึงได้โดยเร็ว ก็จะไม่ต้องสนับสนุนนาน
โดยอยากให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยนำ โครงการ น้ำประปาฟรี ไฟฟ้าฟรี (ในปริมาณที่จำกัด) รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี ที่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนเคยทำไว้กลับมาทำใหม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายประชาชนที่กำลังลำบากกันอย่างมาก
ทั้งนี้ อยากให้ มีการเร่ง ปลดล็อคดาวน์เพื่อให้ทำธุรกิจกันได้อย่างปกติ และ อยากให้เปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เพื่อนักเรียน และนักศึกษาจะได้ศึกษาหาความรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้มีข้อมูลพิสูจน์แล้วว่าการติดเชื้อไวรัสในเด็กและเยาวชน มีปริมาณที่น้อยมากและอัตราการทำอันตรายถึงชีวิตต่อเด็กและเยาวชนมีน้อยจนแทบไม่มีเลย
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ต้องการให้พลเอกประยุทธ์ปรับกรอบคิดและคิดล่วงหน้าก่อนปัญหาจะเกิด เพื่อจะได้นำพาประเทศไทยให้พัฒนาต่อไปได้ ถ้าหากพลเอกประยุทธ์รู้ตัวว่าขาดความรู้ความสามารถที่จะพัฒนากรอบคิดได้ ก็ไม่ควรจะอยู่ในตำแหน่งเพื่อถ่วงความเจริญของประเทศอีกต่อไปแล้ว เพราะจะทำให้ประเทศไทยเสื่อมถอยต่อไปอีก 10 ปีตามคำเตือนของสื่อต่างประเทศ
วันชัย เชื่อ บิ๊กตู่ อยู่ครบเทอม ทำนายอีก 2 เดือนบ้านเมืองเริ่มลงตัว-ไร้รัฐประหาร
นายกฯ ยึดหลักกระจายวัคซีนโควิดอย่างเป็นธรรมทุกกลุ่ม พร้อมแบ่งฉีดเป็น 3 ระยะ