วันที่ 10 มีนาคม 2563 เพจเฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ” ได้ออกมาโพสต์ความเคลื่อนไหวหลังจากปิดเพจไปเมื่อวานนี้ (9 มีนาคม) ถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าขอให้ช่วยกันหาว่าใครอยู่เบื้องหลังเพจที่ออกมาแฉเรื่องการกักตุนหน้ากาก โดยระบุว่า…
“ว่าจะพักสักเดือน ไม่กี่ชั่วโมงเจอใส่ร้ายหนักมาก กะแล้วว่าถ้าออกมาเปิดโปงเรื่องหน้ากาก กูต้องโดนแบบนี้ คิดสิ มันไวรัลขนาดนี้ก็เพราะมันจริง มีคลิปเสียง ภาพถ่าย พวกมึงก็ยังหาหน้ากากไม่เจอ บอกภาพตัดต่อ คลิปตัดต่อ อหอหอหอห และโยนขี้ใส่กู หาว่ารับเงินจากพรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม ที่คนเขามาแหกมึงกันทั้งประเทศ ถ้าต้องจ้างจริง ต้องใช้เงินกี่บาท ตอนที่เปิดมาเปิดโปงเรื่องหน้ากากที่หายไป กูก็ลาตายแล้ว ชีวิตเดียว ถ้าต้องแลกกับโรงพยาบาลมีหน้ากากใช้กูก็คุ้มอะ เลิกใส่ร้ายป้ายสี แล้วหาหลักฐานมาดิ๊ ว่าเพจแบบกูไปรับเงินฝั่งตรงข้ามมึงมาตอนไหน ไม่หยุดกูไปต่อนะบอกก่อน สู้กับคนที่เขาทิ้งชีวิตแล้วมึงไหวปะล่ะ
คือมึงจะดิ้นทำไม กูยังไม่ได้ว่ามึงสักคำธรรมนัส แค่ไอ้ศรมันเอารูปภาพมาลงบอกสนิทกับผู้ติดตามมึง นามบัตรก็ลง แทนที่จะไล่บี้คนผิด เสือกจะมาตีกับคนแฉ คนฉลาดเขาจะชี้แจง อธิบายให้ชัดเจน ไม่ใช่ใส่ร้ายคนเปิดโปง อย่าให้สอนมวยดิ อย่างเรื่องพรรคภราดรภาพมีเอี่ยว กูก็เปิดเอง เขาจะผิดจริงไหม เป็นหน้าที่สื่อไปตามต่อ กูส่งหลักฐานให้หมดแล้ว
ก่อนเลือกตั้ง ลุงตู่ยังขมกูเพจน้ำดี ช่วยเหลือสังคม พอวันนี้กูมาแหกโครงการแจกเงิน ไล่บี้คนอมหน้ากาก ช่วยส่งหน้ากากให้รพที่เดือดร้อน กูกลายเป็นเพจต่อต้านรัฐบาลเฉย หรือคำว่าเพจน้ำดี คือเพจที่ต้องอวยรัฐบาลตลอดเวลาวะ นี่กูงงไปหมดแล้ว
ที่สำคัญนะ ที่กูทำอยู่เพื่อช่วยโรงพยาบาลตอนนี้ มันชังชาติตรงไหน ช่วยตอบกูที???
ร้อยชีวิตก็ไม่พอให้Save”
