เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 นาย พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การส่งออกของไทยในเดือนพฤษภาคมทรุดหนัก – 22.5 % หดตัวมากที่สุดในรอบ 11 ปี ซึ่งถ้าหักการส่งออกทองคำการส่งออกจะ – 27.9% ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจาก – 5.3% เป็น – 8.1% ซึ่งหนักมาก และยังมีโอกาสที่จะทรุดหนักกว่านี้ ซึ่งจะทำให้มีธุรกิจล้มละลาย เกิดหนี้เสียและคนตกงานจำนวนมาก ทั้งนี้เศรษฐกิจของไทยทรุดหนักมาตั้งแต่ก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว
“การที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีจะแก้ตัวว่าอย่ามาโทษทำเศรษฐกิจพังคงไม่น่าจะได้ เพราะประชาชนทราบดีและรู้สึกได้ว่าเศรษฐกิจไทยแย่มาตลอด 6 ปีแล้ว อีกทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ เพราะไม่ได้ศึกษาภาวะเศรษฐกิจและตอบรับมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ โดยขาดความรู้ความเข้าใจเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และยังยอมรับเองว่าไม่เก่งเศรษฐกิจ” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) เศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องจำเป็นและต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าทีมเศรษฐกิจใหม่จะเป็นใครและจะแก้ไขเศรษฐกิจได้หรือไม่ แต่ที่ทราบแน่ ๆ คือทีมเศรษฐกิจปัจจุบันจะไม่สามารถแก้ไขได้แน่ จากผลงาน 6 ปีที่ผ่านมา และไม่อยากให้นายสมคิดหลอกประชาชนเหมือนที่หลอกพล.อ.ประยุทธ์ เพราะตลอด 6 ปีเศรษฐกิจไทยไม่เคยมีแนวโน้มจะฟื้น ตามที่นายสมคิดเคยประกาศไว้ คนไทยแทบจะจนกันหมดทั้งประเทศแล้ว และอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ศึกษาเศรษฐกิจย้อนหลังประกอบกับอ่านที่ตนได้วิเคราะห์วิจารณ์มาตลอด จะได้ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมเศรษฐกิจไทยถึงย่ำแย่เพื่อหาทางแก้ไข
นายพิชัย กล่าวว่า แนวทางหนึ่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยคือการจัดสรรงบประมาณให้ประเทศพัฒนาเข้ากับอนาคตของโลก ซึ่งในช่วงนี้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 3.3 ล้านล้านบาทจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรฯ จึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลได้รื้องบประมาณเพื่อจัดสรรใหม่ทั้งหมด การยึดติดการจัดสรรแบบเดิมตลอด 6 ปี เศรษฐกิจไทยจะแย่เหมือนเดิม งบประมาณปี 2564 จะขาดดุลอีก 623,000 ล้านบาท จะทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์กู้เงินเกินงบประมาณแล้วกว่า 4 ล้านล้านบาท และจะทำหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นถึง 7.7 ล้านล้านบาท แต่เศรษฐกิจกลับย่ำแย่
“ส่วนหนึ่งมาจากการจัดสรรและการใช้งบประมาณไม่มีประสิทธิภาพ การทำงบประมาณขาดดุลปี 2564 จะทำให้หนี้สาธารณะของไทยเพิ่มสูงขึ้นเกินกรอบ 60% แต่เศรษฐกิจไทยกลับไม่ดีขึ้น แถมอาจจะแย่ลงด้วย งบประมาณทางการทหารและด้านอื่นที่ไม่จำเป็นจะต้องถูกตัดลงให้มากที่สุด เพื่อมาใช้ในการพัฒนาทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น และจะต้องเป็นเศรษฐกิจสำหรับอนาคตในโลกยุคใหม่ด้วย ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ทำไม่ได้และไม่มีความรู้เพียงพอ ควรจะเสียสละลาออกเพื่อให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำแทน เพราะภาวะเศรษฐกิจต่อไปนี้ต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ ไม่ใช่มือสมัครเล่นที่ยอมรับเองว่าไม่เก่ง ซึ่งจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายมากขึ้น” นายพิชัย กล่าว
