งบโควิด นาย พิธา ลิมเจริญรัตน์ เผยความคืบหน้าเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 ในการเข้าร่วมการประชุมกรรมมาธิการวิสามัญติดตาม-ตรวจสอบงบประมาณและมาตรการการโควิด โดยมีนาย ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่เป็นประธาน และในวันนี้ตั้งใจเชิญชวนให้ที่ประชุมมาพิจารณาและถกกันถึงขอบเขตการทำงานของ กมธ. ซึ่งขอบเขตก้าวไกลที่ต้องการผลักดัน คือ
1.กมธ.นี้นอกจากดูงบประมาณเงินกู้โควิด 1 ล้านล้านบาทแล้ว ควรต้องตรวจสอบการใช้งบกลางที่ได้รับโอนย้ายมาจากงบประมาณปี 2563 ด้วย เพื่อให้ครอบคลุม เพราะมีความเป็นไปได้ที่งบกลางจะเป็นงบที่ใช้ไปโดยไม่ได้รับการตรวจสอบเท่าที่ควร ซึ่งประชาชนจะเสียผลประโยชน์มหาศาล
2.นอกจากการติตตามตรวจสอบ “งบประมาณ” แล้ว กมธ. ต้องติดตามตรวจสอบ “มาตรการ” ด้วย เช่น การที่มีเกษตรกรตกหล่นจากการเยียวยา, กรณีที่ยังไม่อนุญาตให้นักดนตรีกลับมาทำงานได้อย่างปกติ รวมถึงมาตรการคลายล็อกอื่นๆ ที่ไม่ตอบสนองต่อความเดือดร้อนประชาชน ฯลฯ มาตรการที่ยกตัวอย่างมานี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนจำนวนมาก ผมคิดว่าเป็นหน้าที่ของ กมธ. นี้ที่ควรต้องเข้าดูว่าจะช่วยเหลือเยียวยาพวกเขาอย่างไรบ้าง และดำเนินการให้เร็วที่สุด
3.พ.ร.ก. กู้เงินฯ ให้อำนาจรัฐบาลกู้เงินถึงกันยายน 2564 ดังนั้นกมธ. ควรต้องมีอายุมากกว่า 120 วัน เพื่อให้เป็นการตรวจสอบและติดตามในระยะยาว และยังต้องติดตามประเมินประสิทธิภาพ-ประสิทธิผลของมาตรการต่างๆ ด้วย โดยในวันนี้ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะขยายกรอบเวลา กมธ.ให้มากกว่า 120 วัน
โดย นาย ไพบูลย์ นิติตะวัน ประธาน กรรมมาธิการวิสามัญติดตาม-ตรวจสอบงบประมาณและมาตรการโควิด สรุปในช่วงท้ายการประชุมการหารือ ว่า จะพิจารณาโดยกำหนดกรอบการพิจารณา พ.ร.ก. 3 ฉบับก่อน ส่วนเรื่องขอบเขตว่าจะครอบคลุมไปถึง พ.ร.บ. โอนงบหรืองบส่วนอื่นๆ ตามที่นาย พิธา เสนอในตอนต้น หรือไม่นั้น ประธานขอสงวนไว้ถามที่ประชุมในอนาคต
ทั้งนี้ กมธ.โควิด ได้กำหนดว่าการประชุมในครั้งถัดไปคือวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2563 และวันอังคารที่ 30 จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและตอบคำถามกรรมาธิการในส่วนของ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท
รวมถึงให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมาให้ข้อมูลและตอบคำถามเรื่อง พ.ร.ก. 2 ฉบับ คือ พ.ร.ก. การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ(“พ.ร.ก.อุ้มตราสารหนี้“) และ พ.ร.ก. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ(“พ.ร.ก.ซอฟต์โลน“) ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ทั้งนี้ นายพิธา และพรรคก้าวไกลเผยจะนำความคืบหน้าของกรรมมาธิการนี้มาให้พี่น้องประชาชนทราบถึงความเป็นไป เพื่อให้ร่วมกันติดตามตรวจสอบงบประมาณและมาตรการที่เกี่ยวข้องกับโควิด เพราะงบประมาณทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินของประชาชน และทุกๆ มาตรการที่รัฐบาลบังคับใช้นั้นจะส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ปากท้องของทุกคนในทุกมิติ
