นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ถึง การเปลี่ยนแปลงของชนชั้นปลดครอง ในรูปแบบการปฏิรูปหรือการปฏิวัติ หลังจากสภามีมติเห็นชอบให้จัดตั้ง กมธ. ศึกษารัฐธรรมนูญ60 ไปก่อน โดยฝ่ายพรรคเล็กมองว่าเป็นการยื้อเวลาในการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ปิตบุตรระบุว่า
ไม่หมดหวัง! ก้าวไกล ขอโทษ ประชาชน ดันแก้รธน. ไม่สำเร็จ ลั่น จะหนักแน่นยิ่งขึ้น
ก้าวไกล คัดค้าน จัดตั้ง กมธ. ศึกษารัฐธรรมนูญ เตะถ่วง อำนาจประชาชน
ในทุกสังคม คนไม่กี่คนครองอำนาจเกาะกลุ่มกันเป็น “ชนชั้นปกครอง” และเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่พอใจส่งเสียงเรียกร้องต้องการความเปลี่ยนแปลง และรวมตัวกันสะสมพลังมากขึ้นทั้งทางปริมาณและคุณภาพ จนเกิดเป็นวิกฤติ การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่จะเกิดแบบ “ปฏิรูป” หรือ “ปฏิวัติ”
ปิยบุตร อัด กกต. วินิจฉัยไม่ได้บรรทัดฐาน จนปชช.ตั้งคำถาม
หาก “ชนชั้นปกครอง” ตระหนักถึงความต้องการของประชาชนคนส่วนใหญ่ พวกเขาจะยอมถอย เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยที่พวกเขายังครองอำนาจได้อยู่ นั่นเรียกว่า “ปฏิรูป” หรือ Reform คือ คงรูปเดิม แต่เปลี่ยนเนื้อหาด้านใน
แต่หาก “ชนชั้นปกครอง” สายตาสั้น อ่านสถานการณ์ไม่ออก ประเมินกำลังประชาชนต่ำ หรือหลงละเมอเพ้อพกว่าทุกสิ่งต้องเป็นดังเดิมเหมือนวันชื่นคืนสุขแต่เก่าก่อน ประชาชนก็จะเดินหน้าต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลง จนทุกอย่างพังลงไปกลับไปที่ปีศูนย์จุดเริ่มต้น นั่นเรียกว่า “ปฏิวัติ” หรือ Revolution
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในห้วงยามวิกฤติที่คนส่วนใหญ่ลุกขึ้นสู้ จะจบลงแบบ “ปฏิรูป” หรือแบบ “ปฏิวัติ” มิได้ขึ้นกับประชาชนคนส่วนใหญ่เท่านั้น แต่มันขึ้นกับการตัดสินใจของชนชั้นปกครองด้วย หากเหนี่ยวรั้งความเปลี่ยนแปลงไว้ หรือตัดสินใจเปลี่ยนแปลงช้าไป โอกาส “ปฏิวัติ” ย่อมเกิดขึ้น
ระบอบ Constitutional Monarchy ก็ดี การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ก็ดี การปฏิรูปสถาบันการเมืองก็ดี ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ “ชนชั้นปกครอง” ต้องตัดสินใจว่าจะร่วมเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หากใช่ การปฏิรูปย่อมเกิดขึ้น หากไม่ เมื่อสถานการณ์ถึงพร้อม การปฏิวัติคงมาถึง ไม่วันใดก็วันหนึ่ง