เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2565 นาย ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “แม้นว่าคำบรรยายของท่านอดีตนายกฯอานันท์ ซึ่งกล่าวถึงคนรุ่นใหม่ว่า “ความคิดเก่าๆใช้ไม่ได้แล้ว คนแก่ต้องรู้เวลาของเราหมดแล้ว” จะสามารถนำมาเทียบเคียงกับการดำรงตำแหน่งเกือบ 8 ปีของนายกฯประยุทธ์ได้ แต่ผมคิดว่ายังมีประเด็นภาวะการเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะต้องนำมาพิจารณาประกอบด้วย
1. ด้านต่างประเทศ นายกฯจะต้องกำหนดนโยบายต่างประเทศที่สร้างหน้าตาให้กับประเทศ แต่กรณีข้อขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย ท่านนายกฯประยุทธ์คงจะเกรงใจรัสเซียมั๊ง และต้องการให้ประเทศไทยประกาศเป็นกลาง แต่กระทรวงต่างประเทศ (ข้าราชการประจำ)ในการประชุมใหญ่ของUNได้เห็นชอบในญัตติประณามการรุกรานของรัสเซียและได้แถลงเรียกร้องให้ถอนทหารด้วย
2. ด้านเศรษฐกิจ นายกฯต้องกำหนดนโยบายการเงินการคลังของประเทศให้มีความมั่นคงและเจริญอย่างยืน แต่นายกฯประยุทธ์กลับใช้นโยบายกู้-แจก จนหนี้สาธารณะของประเทศอยู่ในระดับสูงติดเพดาน แต่ประชาชนก็ยังยากจนและมีเพิ่มมากขึ้นไม่หยุด โดยความมั่งคั่งกลับไปตกกับกลุ่มนายทุนเท่านั้น
3. ด้านความมั่นคง ผมไม่ทราบว่า จะถือเป็นความสำเร็จหรือไม่และอย่างไร คือท่านสามารถเพิ่มงบประมาณในส่วนนี้ได้ตลอด และสามารถจัดหาอาวุธใหม่ๆที่มีราคาแพงๆมาใช้
4. ด้านการเมือง โดยเฉพาะในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นหัวใจของการปกครองในระบบประชาธิปไตย ท่านเกือบไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับพรรคการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลย กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการออกกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบและกฎหมายพรรคการเมือง สิ่งที่ปรากฏคือ ประธานคณะกรรมาธิการเป็นคนที่ฝ่ายค้านเสนอ พรรคร่วมรัฐบาลเองหันมาลงคะแนนสนับสนุนไม่เอาคนที่รัฐบาลส่งมา นี่ถือเป็นความล้มเหลวที่ชัดแจ้งที่สุดไม่น้อยไปกว่าการที่สภาผู้แทนฯล่มไปแล้วถึง 17 ครั้ง (และก็คงจะมีอีกแน่นอน)
5. การบริหารจัดการนโยบายสำคัญที่รัฐบาลเสนอไว้ต่อรัฐสภา เช่น การปฏิรูปประเทศ ทุกผู้คนและทุกองค์กรล้วนประเมินว่า ล้มเหลว การปราบคอร์รัปชั่นรองนายกวิษณุก็เพิ่งออกมายอมรับว่า มันมีมากกว่าเดิม การปรองดองของชนในชาติมีแต่เลวลงเพราะท่านได้ลงมาเป็นผู้ขัดแย้งเสียเอง ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งได้ใช้งบประมาณไปมากมายก็ยังเกิดอยู่ไม่ขาด การอำนวยความยุติธรรมไม่มีใครเชื่อถือ(ดูได้จากกรณีคุณแตงโม)
แสดงให้เห็นว่า เป็นนายกรัฐมนตรีแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ประกอบกับข้อเท็จจริงในเรื่องคนแก่(โบราณ) ตามที่ท่านนายกฯอานันท์ได้แสดงปาฐกถาไว้ น่าจะเพียงพอให้พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีได้พิจารณายุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่เสียโดยเร็ว(ที่สุด) ซึ่งก็จะตรงกับที่นิด้าโพล(เชื่อได้มากที่สุดขณะนี้) ได้สำรวจไว้คือ ประชาชนเกือบ 70% ต้องการให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่
ท่านนายกฯอานันท์ได้ตอบเรื่องมีเสียงให้นายกฯประยุทธ์ลาออกว่า “เรื่องนี้ต้องไปถามนายกเอง” ผมจึงขอถือโอกาสนี้เป็นตัวแทนของคนรุ่นผม(70 ขึ้น) และคนรุ่นเด็กลงไป ถามท่านนายกฯประยุทธ์ตรงๆว่า ท่านคิดว่า เวลาของท่านหมดหรือยังและท่านจะสนับให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศไหม”
