จุลพันธ์ รมช.คลัง ชู ‘อีซี่ อี-รีซีท’ จ่อลดภาษี 1 หมื่น กลุ่มรายได้ 7 หมื่น ชวดเงินดิจิทัล ปลุกกำลังซื้อก่อนหมดช่วงไฮซีซั่น เริ่ม 1 ม.ค. 67
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภาพรวมของปี 2567 หากพ้นจาก เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ไปนั้น จะหมดช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นช่วงที่น่าเป็นห่วง เนื่องจาก นักท่องเที่ยวมีไม่มาก เศรษฐกิจอาจไม่ได้ดีอย่างที่ตั้งเป้าไว้ อีกทั้งคนไทยไม่ได้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมาก เป็นช่วงที่รัฐบาลค่อนข้างเป็นห่วง ดังนั้น รัฐบาลจึงมีกลไกเพิ่มเติม ได้แก่ ในช่วงต้นปี 2567 รัฐบาลจะดำเนิน โครงการอีซี่ อี-รีซีท หรือชื่อโครงการเดิมคือ อี-รีฟันด์ ที่ให้ประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องชำระภาษี ไปจับจ่ายใช้สอยในวงเงิน 5 หมื่นบาท กับร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษี/ใบรับ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt

โดย โครงการดังกล่าวจะเริ่มวันที่ (1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567) หรือราวๆประมาณ 45 วัน และนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุด 1 หมื่นบาท ดังนั้น โครงการนี้ก็จะเข้ามาช่วยกระตุ้นในช่วงต้นปี 2567 เพราะอย่างที่ทราบว่า คณะกรรมการเงินดิจิทัล ได้มีมติตัดตนกลุ่มบนสูงของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตออก ตามขอเสนอของหลายหน่วยงานที่เสนอว่าคนกลุ่มรายได้บนสุด เมื่อได้เงินดิจิทัลวอลเล็ตแล้วจะไม่ได้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่คาดหวัง ดังนั้น จึงต้องหาโครงการที่ให้คนกลุ่มที่ตัดออกได้สิทธิประโยชน์เท่าเทียมกัน โดยมีแนวความคิด คือ อีซี่ อี-รีซีท ให้คนกลุ่มรายได้ 7 หมื่นบาทต่อเดือนร่วมใช้จ่ายด้วย หากคิดบนฐานภาษี 7 หมื่นบาทต่อเดือน และได้ลดภาษี 20% ของการใช้จ่ายสูงสุด 5 หมื่นบาท ก็เท่ากับคนกลุ่มนี้ก็ได้ลดหย่อนไป 1 หมื่นบาท เท่ากับเงินดิจิทัลวอลเล็ตพอดี
- ประเพณีลอยกระทง นายก เศรษฐา จ่อดันเป็น World Class Festival
- ลอยกระทงออนไลน์ ระวัง! มิจฉาชีพแอบแฝง หลอกฉกข้อมูลส่วนตัว
- เว็บลอยกระทงออนไลน์หน่วยงานรัฐ ปลอดภัย ไร้มิจฉาชีพแอบแฝง
โครงการอีซี่ อี- รีซีท ยังจูงใจร้านค้าในระบบภาษีเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร ที่เมื่อใครก็ตามใช้จ่ายระบบจะเก็บข้อมูลแส่งกรมสรรพากรทันที ไม่ต้องมาเก็บเอกสาร ใบเสร็จ ใบกำกับภาษีเอง ทำให้กลายเป็นระบบภาษีที่ทุกคนคาดหวัง คือง่ายกับคนที่มายื่นแบบ และเกิดประสิทธิภาพ ซึ่งหลังจากโครงการนี้จบลง ในช่วงเดือน (พ.ค.2567) ก็จะมีเม็ดเงินจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต วงเงินรวม 5 แสนล้านบาท ลงในระบบเศรษฐกิจ และเดือนมี.ค.-เม.ย.2567 หรือก่อนที่เงินดิจิทัลวอลเล็ตจะออกมา รัฐบาลคาดว่าน่าจะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแล้ว

ทั้งนี้ ร้านค้าต่างๆ เริ่มเตรียมตัวเข้าร่วมโครงการก็เกิดการผลิต การจ้างงานขึ้น คาดว่า ช่วงเม.ย.-พ.ค.2567 จะมีเม็ดเงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อีกวงเงิน 1 แสนล้านบาท พร้อมกับเป็นช่วงที่มีผลบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณประจำปี 2567 ด้วย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวนี้เป็นภาระหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ในการสร้างเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง