รังสิมันต์ โรม จากสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา กำลังร้อนแรง เมื่อกองทัพเมียนมา ได้เข้ายึดอำนาจ ทำรัฐประหาร และจับกุม อองซานซูจี และหัวหน้าพรรคสันติบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย จนทำให้บรรดาประชาชน นักการเมือง และผู้นำที่มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องการระหว่างประเทศของแต่ละรัฐได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั่วโลกร่วมประณาม รัฐประหารเมียนมา พร้อมจี้กองทัพปล่อยตัว อองซานซูจี
โดยล่าสุด นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล เองก็ได้ออกมาให้ความรู้และความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ ว่า
‘รัฐประหาร คือการถ่วงความเจริญของประเทศ จากที่จะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็จะกำลังพัฒนาต่อไป การรัฐประหารไม่มีวันเป็นทางออกของปัญหาทางการเมืองในยุคสมัยที่การรับฟังเสียงประชาชนเป็นการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างถูกต้อง
เพราะรัฐประหาร คือการใช้เสียงกระบอกปืน ดับเสียงของประชาชน’
นอกจากนี้ ยังมีการให้รายละเอียดเรื่องราวการรัฐประหารดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊คอีกว่า
‘ช่วงเช้าวันนี้ที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ได้เกิดการทำรัฐประหาร เข้าจับกุมตัวนางอองซานซูจี ผู้นำระดับสูงและนักการเมืองหลายคนเอาไว้
.
โดยมีข้ออ้างคือ มีการโกงการเลือกตั้ง หลังความพ่ายแพ้อย่างน่าอดสูของพรรคที่นำโดยทหารเก่า และได้มีมวลชนกลุ่มคลั่งชาติศาสนาออกมาก่อความวุ่นวาย
.
การอ้างเช่นนี้ ก็คือ การดูถูกการเลือกของประชาชนผู้เป็นเข้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง เป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความมนุษย์ และโดยแก่นของระบอบประชาธิปไตยแล้ว ไม่ว่าโดยอาศัยข้ออ้างเช่นใด ก็ไม่อาจมีที่ยืนท่ามกลางประชาคมโลกให้กับการก่อการรัฐประหารได้
.
การรัฐประหารในเมียนมา คือ การตอกย้ำว่ากองทัพของเมียนมาร์ไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนเลย แม้กระทั่งว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาชี้ชัดอยู่ตำตาว่าประชาชนต้องการอะไร แต่สิ่งที่กองทัพเมียนมาร์ทำคือการรักษาเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน ไม่ปล่อยวางอำนาจ
.
ผมขอเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาคืนอำนาจให้แก่ประชาชน และผู้ที่ได้รับเลือกโดยการเลือกตั้งจากประชาชนโดยเร็ว เพราะกองทัพไม่มีความชอบธรรมแม้แต่เล็กน้อยที่จะถือครองอำนาจไว้แม้แต่วินาทีเดียว
.
และท้ายที่สุดนี้ การทำรัฐประหาร คือการฉุดรั้ง ถ่วงความเจริญของประเทศชาติ จากที่จะมุ่งไปข้างหน้าตรง ๆ ก็เดินไปแบบเป็นวงกลม จากที่จะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็จะกำลังพัฒนาต่อไป รัฐประหารไม่เคยให้ผลลัพธ์ที่ดีแก่ส่วนรวม และไม่มีวันเป็นทางออกของปัญหาทางการเมืองในยุคสมัยที่การรับฟังเสียงประชาชนเป็นการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างถูกต้อง
.
เพราะรัฐประหาร คือ การใช้เสียงกระบอกปืน ดับเสียงของประชาชน
รูปภาพโดย: Ivana Kurniawati’
พร้อมกับโพสต์ภาพที่มีแฟนอาร์ตคล้ายกับใบหน้าของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ นายพลมิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ของกองทัพเมียนมา ซึ่งก็มีประชาชนชาวไทยให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ว่ามีความยึดโยงกับวิถีทางการเมืองที่สถาบันทหารมีบทบาทอำนาจในการปกครองและการเมืองของไทยเช่นกัน และมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปกองทัพดังเช่นที่อินโดนีเซีย ในสมัยประธานาธิบดีซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ที่ปฏิรูปกองทัพให้มีความเป็นทหารอาชีพและสามารถกลับมาเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองรวมถึงมีเศรษฐกิจที่มั่นคง กลายเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นักลงทุนต่างชาติและรัฐบาลจากประเทศที่การปกครองแบบระบอบประชาธิปไตยหันมาให้ความสนใจและลงทุนมากในปัจจุบัน
บิ๊กป้อม ไม่สน เมียนมาทำรัฐประหาร ยันเป็นเรื่องภายในประเทศเขา
ขอขอบคุณภาพจาก Rangsiman Rome – รังสิมันต์ โรม