สยามไบโอไซเอนซ์ — เมื่อเวลา 13.30 ของวันที่ 25 ม.ค. 64 นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ชีวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฎร และนางสาวเบนจา อะปัญ อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้นำทีมร่วมทำกิจกรรม “กระชากหน้ากากวัคซีนพระราชทาน” บริเวณหน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ ซึ่งทำการของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ที่รับเทคโนโลยีจากบริษัทแอสตร้าเซเนก้าเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันโควิด19 ให้กับไทย
นายพริษฐ์ยังได้กล่าวว่า ยิ่งแจกวัคซีนได้มาก และเร็วมากเพียงใด คนในประเทศจะมีภูมิคุ้มกันมากขึ้นเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องปิดประกาศ ที่จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นายพริษฐ์ยังได้เปรียบการจัดหาวัคซีนโควิด19 ของไทยกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ ที่สามารถจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนได้มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ โดยจัดหาวัคซีนจาก 4 บริษัท เนื่องจากต้องการกระจายความเสี่ยง
สยามไบโอไซเอนซ์ ชี้แจงที่มาที่ไปก่อนมาผลิตวัคซีนโควิด19 ยืนยันผลิตวัคซีนมาตรการระดับโลก
ขณะที่ประเทศไทยสามารถแจกวัคซีนให้ประชาชน เพียง 21.5 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ ไม่เกิน 20 ล้านคน เท่านั้น ถือว่าน้อยมาก และสามารถสกัดโรคได้อย่างแท้จริง และรัฐบาลไทยสั่งซื้อวัคซีนมาเพียง 2 บริษัทคือวัคซีนจากบริษัทโนแวค และบริษัทแอสตร้าเซเนก้า
คนไทยเฮ! อย.ไทย ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกาแล้ว
จอม เพชรประดับ ขอบคุณ ธนาธร ที่กล้าสร้างความหวังและความศรัทธาให้คนไทย
ทั้งนี้ ในระหว่างที่นายพริษฐ์ และนางสาวเบนจา ทำกิจกรรมอยู่นั้น ด้านพ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวันอ่านประกาศ การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 (พรก.ฉุกเฉิน ) เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด19 ห้ามทำกิจกรรมชุมนุม หรือมั่วสุมกันเสี่ยงให้เกิดการเเพร่ระบาด ผู้ใดฝ่าฝืน ยุยงให้มีการชุมนุม มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4หมื่นบาท