การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท วาระแรก ตลอดทั้งสองวันมานี้บรรยากาศเรียกได้ว่าเข้มข้น ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีอยู่ทั้งสิ้น 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 17-19 ต.ค.นี้
แต่ไฮไลท์ก่อนการประชุมพ.ร.บ.งบประมาณฯ คือ การพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. 2562 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ
โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า การลงมติของส.ส. ในส่วนของฝั่งที่ไม่เห็นด้วย 70 เสียง ส่วนใหญ่ล้วนมาจากฝั่งของพรรคอนาคตใหม่ ขณะฝั่งส.ส.ที่เห็นด้วย ส่วนใหญ่เป็นจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือ มีเสียง ส.ส. อยู่ 4 คน ที่ความคิดเห็นแตกต่างจากพรรคอนาคตใหม่
ที่มี น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี พรรคอนาคตใหม่, นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ และพ.ต.ท. ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ ส่วนน.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่ ใช้สิทธิ์งดออกเสียง นี่จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าภายในพรรคอนาคตใหม่เริ่มมีเสียงที่ไม่ลงรอยกันภายในพรรคแล้ว
ก่อนหน้านี้ ก็มีปัญหาในการสรรหาการลงตัวผู้สมัครในการเลือกตั้งท้องถิ่นอยู่เรื่อยๆ ทั้งในพื้นที่ จ.นนทบุรี ที่มีปัญหาเรื่องการจัดเวทีดีเบตหาผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นี่ยังไม่รวมถึงในพื้นที่ จ.จันทบุรี และจ.ชลบุรี ที่มีปัญหาเรื่องราวที่คล้ายๆกัน อีกทั้งยังมีปัญหากรรมการเครือข่ายเยาวชน-คนรุ่นใหม่ของพรรค ที่พบการทุจริต จนตั้งมีคำสั่งยุบกรรมการชุดนี้ออกไป
จากเหตุการณ์ข้างต้น เห็นว่าเสียงข้างพรรคอนาคตใหม่เสียงแตกคอ แม้ว่าจะเป็นเสียงเพียงน้อยนิด แต่ก็สามารถวัดอะไรได้หลายอย่าง และอาจจะมีผลต่อเสียงฝ่ายค้านในการลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับพ.ร.บ.งบประมาณครั้งนี้ได้
ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้ชี้แจงว่า ตนไม่ติดใจ แม้ว่าส.ส ทั้ง 4 คน จะไม่ได้โหวตตามมติพรรค และหลายครั้งที่พรรคให้มีการลงมติภายใน มีทั้งเสียงข้างน้อยและเสียงข้างมาก ซึ่งพรรคยึดเสียงข้างมากและให้ความสำคัญเสียงข้างน้อย ถึงขณะนี้ไม่ได้มีการพูดคัยเป็นการพิเศษกับใคร เชื่อว่า ส.ส ทุกคน ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์พรรค
ส่วนจะเป็นผลดีกับรัฐบาลหรือไม่ ท่ามกลางเสียงที่ปริ่มน้ำ เมื่อฝั่งฝ่ายค้ายเสียงแตกแบบนี้ หากนับเสียงจากฝั่งฝ่ายรัฐบาลขณะนี้มีอยู่ทั้งสิ้น 252 เสียง แต่ยังโชคดีที่เสียงฝ่ายค้านอิสระ 2 เสียง เทใจลงมติเห็นชอบกับพ.ร.บ.งบประมาณ ส่วนฝ่ายค้านมีอยู่ทั้งสิ้น 243 เสียง แน่นอนว่าไม่เห็นชอบ
ทั้งนี้ ผลจากออกมาเป็นอย่างไรต้องจับตาดูการโหวตในวันพรุ่งนี้ว่า พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ จะผ่านการเห็นชอบจากสภาหรือไม่ ท่ามกลางเสียงปริ่มน้ำเช่นนี้ เพราะหากพ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ผ่าน จะส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้ ต้องรับผิดชอบ ด้วยลาออก และยุบสภา ตามที่รองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้