สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจคนดีการเมือง ชี้ชัดรมต.ใกล้ตัว บิ๊กตู่ ต้องซื่อสัตย์ สุจริต ตามศาสตร์พระราชา ไม่ถอนทุนคืน พร้อมสนับสนุนยุบสภาเลือกตั้งใหม่
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง คนดีการเมือง กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินการเก็บข้อมูลแบบผสมผสาน (Mixed Method) ทั้งการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การลงพื้นที่และการเก็บข้อมูลในโลกโซเชียล ทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,790 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 9 – 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า
เมื่อถามถึงลักษณะคนดีของรัฐมนตรีที่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีไว้ใกล้ตัว พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.5 ระบุ ซื่อสัตย์ สุจริต ตามศาสตร์พระราชา ไม่ถอนทุนคืน ไม่มีประวัติด่างพร้อย รองลงมาคือ ร้อยละ 10.9 ระบุ ทำเพื่อประชาชนในเฉพาะฐานเสียงของตนเอง ร้อยละ 10.4 ระบุ เป็นคนเก่ง การศึกษาดี มีผลงานสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ และร้อยละ 3.2 ระบุ อื่น ๆ เช่น ร่ำรวย มีบารมี เป็นต้น ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึง กลุ่มคนที่จะกระโดดหนีห่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นกลุ่มแรกถ้าเกิดปัญหาวิกฤตขึ้นในบ้านเมือง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.0 ระบุเป็นกลุ่ม ส.ส. ที่ปากบอกว่า รักบิ๊กตู่ หนุนบิ๊กตู่ ตอนนี้ที่บิ๊กตู่ กำลังมีอำนาจ รองลงมาคือ ร้อยละ 21.6 ระบุ เป็น กลุ่ม ส.ส. ที่กำลังแย่งชามข้าว แย่งตำแหน่งรัฐมนตรีกันตอนนี้ และร้อยละ 17.4 ระบุ เป็นกลุ่มข้าราชการและประชาชนทั่วไป ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.7 ระบุ การแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีเป็น น้ำผึ้งหยดเดียวทำรัฐบาลแตกแยก บ้านเมืองวุ่นวาย บนความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 21.3 ระบุไม่เป็น
ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.5 ระบุ การยุบสภา คืนอำนาจประชาชน เลือกตั้งใหม่คือคำตอบ ในขณะที่ร้อยละ 17.8 ระบุ ปรับคณะรัฐมนตรี คือคำตอบ และร้อยละ 11.7 ระบุ อื่น ๆ เช่น ทำงานต่อไปคือคำตอบ
ผศ.ดร.นพดล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ชัดว่า ลักษณะคนดีของรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการที่มากที่สุดคือ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย แต่ลักษณะของรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการน้อยที่สุดคือ รัฐมนตรีที่มีบารมี จึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าในคณะรัฐมนตรีไม่ควรมีคนมากบารมีมากกว่า นายกรัฐมนตรีตามคำโบราณที่ว่าเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่ที่น่าพิจารณาอย่างยิ่งคือ การแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีกันของ ส.ส.ในพรรคการเมืองตอนนี้กำลังกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่ทำให้รัฐบาลแกว่งตัวสั่นคลอนบ้านเมืองวุ่นวายบนความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน
ผศ.ดร.นพดล กล่าวว่า ผลจากการประเมินขั้นสุทธิ (Net Assessment) พบว่าการยุบสภาช่วงนี้จะเหมาะมากต่อจังหวะลงจากหลังเสือ (Exit Strategy) ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา หรืออาจทำให้ปัญหาวุ่นวายใน บ้านเมืองช่วงปลายปีนี้ไม่เกิด แต่ถ้าจะยื้อกันต่อไปก็คอยรอดูกันต่อว่าอะไรจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้ โดยรัฐบาลต้องไม่ทำอะไรฝืนกระแสอารมณ์ของสาธารณชน เพิ่มเติมขึ้นมาอีกนับจากเวลานี้เป็นต้นไป รัฐบาลต้องนิ่ง ๆ ก้มหน้าก้มตาทำงานแก้ปัญหาเดือดร้อนความทุกข์ยากของประชาชนต่อไป ขอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลอย่าเป็นต้นตอของความวุ่นวายเสียเอง