7 ก.ย.63 ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ระบุว่า ตำนานรักดอกเหมยที่นายธนาธร ควรเล่า
สมพร ลูกพ่อค้ากระเพราะปลา ได้มาพบรักกับ พัฒนา ลูกชายเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ด้วยความขยันหมั่นเพียรและโอกาสที่ได้รับจากการอยู่อาศัย ทำมาหากินบนผืนแผ่นดินไทย ทั้งคู่จึงสามารถช่วยกันสร้างอาณาจักรธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นมา จนมีมูลค่านับหมื่นล้านอย่างในทุกวันนี้
แต่นายธนาธร ผู้เป็นลูกชายกลับกล่าวว่า #ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส #สู้เป็นไทถอยเป็นทาส ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ของตัวเองก็มาจากชาวบ้านธรรมดา ๆ ถ้าประเทศไทยยังมีระบบทาสอยู่ แล้วจะมีตำนานรักที่น่าชื่นชมของสมพรกับพัฒนาหรือ
นับว่าสมพรกับพัฒนาเป็นแบบอย่างที่ดีของคนรักดี อยู่ในความดี และเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูก ๆ มีความขยันหมั่นเพียร รู้จักทำมาหากิน เก็บหอมรอมริบ สร้างเนื้อสร้างตัว จากคนธรรมดาๆ จนสามารถประสบความสำเร็จ ทำให้ครอบครัวและลูกหลานมีธุรกิจหมื่นล้านได้
ในมุมกลับกัน ถ้าสมพรกับพัฒนามีพฤติกรรมและความคิดแบบนักเรียนนักศึกษาในม็อบที่สนใจแต่เรื่องเพศสัมพันธ์และการทำแท้ง หรือเอาแต่ชี้นิ้วโทษคนอื่นไปทั่ว แล้วไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง นายธนาธร จะได้มีโอกาสลืมตาดูโลกบนกองเงินกองทอง แล้วออกมาพูดจาเลอะเทอะแบบทุกวันนี้หรือ?
โดยนายธนาธร ที่มีส่วนสนับสนุนม็อบ ไม่ว่าจะทางตรงที่ไม่เคยยอมรับ หรือทางอ้อมที่พูดจาปลุกระดมอยู่เป็นปกติก็ตาม กลับไม่เคยพูดจาตักเตือน แนะนำสิ่งที่ดี ๆ หรือชี้นำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเด็กและเยาวชน นักเรียน นักศึกษา บ้างเลย มีแต่ยัดเยียดความขัดแย้งและความรุนแรงทางความคิดให้ออกมาเสี่ยง ออกมาสู้ เพื่อใครหรือประโยชน์ของใครกันแน่?
ถ้านายธนาธร หันมาเล่าประวัติของคุณแม่สมพร กับคุณพ่อพัฒนา ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้เป็นแรงบันดาลใจ ประกอบกับ #ถ้าไม่สู้ก็คงไม่รวย กับ #สู้แล้วรวยถอยแล้วจน น่าจะเป็นประโยชน์กับคนรุ่นใหม่และสังคมมากกว่านะครับ