12 มีค. 63 วานนี้ เพจ สถาบันทิศทางไทย-Thai Move Institute ได้โพสต์ข่าว จม.เปิดผนึกจาก” สนธิญาณ ”ถึง”สนธิ”-เตรียมฟ้อง‘ผู้จัดการ’จันทร์หน้า!! ใจความว่า จากกรณีที่ผู้จัดการออนไลน์ได้เผยแพร่ บทเรียน “กนก” หัวร้อน ซัด “แหม่มโพธิ์ดำ” ปมแฉตุนหน้ากาก ทำรัฐบาลลุงตู่ต้องเสียแนวร่วม **เปิดที่มา “เทพ” พิตตินันท์ รักเอียด ที่มาอยู่ในทีมงาน “ร.อ.ธรรมนัส” ได้อัปเกรดเป็นผู้ติดตามรัฐมนตรี เพราะ “สนธิญาณ” จัดให้
ล่าสุดทางด้าน “สนธิญาณ ชื่อฤทัยในธรรม” ประธานสถาบันทิศทางไทย เขียนจดหมายเปิดผนึกด้วยลามือถึง “สนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ ระบุว่า
เรียน พี่สนธิ ลิ้มทองกุล
ในฐานะรุ่นน้องในวงการสื่อ ที่เคยพึงพาอาศัยพี่เมื่อปี ๒๕๓๑ หรือเมื่อ ๓๒ปีก่อน ที่ผมและ พี่ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ได้เคยไปขอยืมเงินพี่ ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาท) ซึ่งถือว่าเป็นเงินที่มากพอสมควรในยุคสมัยนั้น และพี่กรุณาแนะนำวิธีการทำสื่อให้รอด เพราะเงินที่ยืมไปนั้นเพื่อเอามาต่ออายุนิตยสาร “อาทิตย์ รายสัปดาห์” ที่ผมกับพี่ชัชรินทร์ทำอยู่
แต่ที่สุดนิตยสารอาทิตย์ก็ไปไม่รอดอยู่ดี เพราะพี่ชัชรินทร์บอกกับผมว่าเรายอมตายแบบไดโนเสาร์ดีกว่าวิวัฒน์การไปเป็นเหี้ย แม้ผมได้คืนเงินพี่ไปแล้ว แต่ก็ยังระลึกถึงบุญคุณของพี่เสมอ แต่การที่สื่อในเครือผู้จัดการ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ได้พาดหัวข่าวว่า “เปิดที่มา “เทพ” พิตตินันท์ รักเอียด ที่อยู่ในทีมงาน “ร.อ.ธรรมนัส” ได้อัปเกรดเป็นผู้ติดตามรัฐมนตรี เพราะสนธิญาณจัดให้” และรายงานในเนื้อหาข่าวว่า “…เมื่อสืบสาวสายสัมพันธ์ที่มาที่ไปจึงพบว่า “พิตตินันท์” คือคนของ “สหายช่วง” ธงชัย สุวรรณวิหค แกนนำกลุ่มสันนิบาตประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ “ต้อย” สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานกรรมการ บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) Nation TV และสนธิญาณ ก็เป็นคนนำ “พิตตินันท์” ไปฝากฝังให้เป็นผู้ติดตาม “ร.อ.ธรรมนัส” ”
ผมขอเรียนพี่สนธิ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นจิตวิญญาณของสื่อในเครือผู้จัดการว่า เป็นการรายงานข่าวที่ “เลวมาก” นั่งเทียนเขียนโดยไม่ตรงข้อเท็จจริงเลย ไม่ตรวจสอบหรือหาข้อมูลในการทำข่าว แม้ก่อนหน้านี้สื่อในเครือผู้จัดการได้รายงานถึงผมบางส่วนบางเรื่องบางราวตรงข้อเท็จจริงบ้าง ไม่ตรงบ้าง แต่ไม่รุนแรงและเสียหายต่อผมและส่วนรวมเท่าครั้งนี้
ผมจึงขอเรียนข้อเท็จจริงต่างๆในชีวิตผมอันมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ต่างๆ ดังนี้
๑. โดยส่วนตัวผมไม่คบคนพร่ำเพรื่อ เพราะผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สังสรรค์กับผู้คน ไม่คุยกับบุคคลทั่วไป ถ้าไม่ใช่เรื่องชาติบ้านเมืองและการปฏิบัติธรรมตามประสบการณ์ที่ผมมี ผมไม่รับโทรศัพท์ คนที่ผมไม่รู้จักหรือเมมเมอรี่เบอร์ไว้ ไม่ยุ่งกับโลกโซเชียล ยกเว้นทำยูทูปให้กับสถาบันทิศทางไทย และเป็นผู้บรรยายให้สถาบันทิศทางไทยในฐานะประธานและอาจารย์
๒. ผมกับสหายช่วง หรือพี่ธงชัย สุวรรณวิหค เป็นเพื่อนร่วมชีวิต ร่วมเป็นร่วมตายกันมาตลอดชีวิตในทุกสถานการณ์ คบกันแบบลูกผู้ชายกับลูกผู้ชายในการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา พี่ธงชัยไปช่วย พี่อ้อย “นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล” อดีตผู้ว่าสุราษฎร์ธานี ที่ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นเพื่อนรักกันและผมรู้จักพี่อ้อยมายาวนานในฐานะรุ่นพี่รามทักษิณ และในครั้งนั้นได้เคยมีการเชิญผมไปบรรยายให้ผู้สมัครฟัง๑ครั้ง โดยไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัว
๓. ผมกับร.อ.ธรรมนัส เจอกันไม่ถึง ๕ ครั้ง และ๑ ครั้งที่สำคัญคือ ร.อ.ธรรมนัสได้ไปทำบุญหล่อพระวันครบรอบแซยิดผมที่บ้านผม เมื่อวันที่ ๑๓ ก.ค. ๒๕๖๒ โดยมีนักการเมืองที่ไปร่วมงานในวันนั้นประกอบด้วย คุณอนุทิน ชาญวีรกุล คุณถาวร เสนเนียม คุณนัฏพล ทีปสุวรรณ และคุณนฤมล ภิญโญ และแขกอื่นๆอีก ๑๐๐กว่าราย เหตุที่บุคคลเหล่านี้ไปร่วมงานเพราะผมบอกบุญเรื่องจะสร้างตึกสงฆ์อาพาธที่นครศรีธรรมราช และในวันนั้นผมได้หล่อรูปเหมือนพระพุทธเจ้าและครูอาจารย์ของผมคือ หลวงตาสมหมาย แห่งวัดป่าสันติกาวาส เนื่องในอายุครบ ๖๙ และผมได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าการหล่อพระในวันนี้เป็นการเริ่มต้นที่จะรวบรวมเงินทำบุญในการตึกสงฆ์อาพาธซึ่งจะต้องใช้เงินถึง ๓๐๐ล้านบาท (สามร้อยล้านบาท) ให้สำเร็จให้ได้โดยเอาวันมงคลของพ่อแม่ครูอาจารย์และของผมซึ่งเกิดใกล้เคียงกันเป็นจุดเริ่มต้นและผมได้พูดเรื่องนี้ในวงสนทนาซึ่งบุคคลเหล่านั้นอยู่ในวงสนทนา จึงมาร่วมงานด้วยเพราะเห็นว่าจะเป็นมงคลกับตัวเอง
๔.ข้อเท็จจริงในคณะรัฐมนตรีชุดนี้มีความสนิทสนมกับผมในฐานะต่าง ๆ เกินกว่าครึ่ง บางคนในฐานะแหล่งข่าว บางคนในฐานะ กปปส. บางคนในฐานะเพื่อนเรียนกันมา แต่ทุกคนรู้ดีว่าตั้งแต่งพวกเค้ามีอำนาจไม่เคยติดต่อเรื่องผลประโยชน์ใด ๆ บางคนแทบไม่เคยคุยกันเลย เพราะผมจะไม่โทรหาใคร แต่ถ้าโทรมาเพื่อปรึกษาหารือผมก็ยินดีให้คำปรึกษาเพื่อประโยชนของประเทศชาติ ในชีวิตทำสื่อมาไม่เคยขอไม่เคยรีดไถใคร แม้ยากลำบากสุด ๆ ก็ใช้วิธีไปกู้เงินมาจ่ายเงินเดือนเพื่อนร่วมงานทุกบาททุกสตางค์โดยเฉพาะตอนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งปิด “Tnews Tv” ผมยอมจ่ายเงินเดือนเพื่อนร่วมงาน ๓ เดือน ๒๔ ล้านบาท จนต้องเอาบ้านไปวางเงินกู้ และแม้จะเป็นหนี้บริษัท และบริษัทล้มไปแล้ว แต่ผมก้เอาเงินส่วนตัวไปจ่ายหนี้ทุกบาททุกสตางค์ ไม่เคยเบี้ยวหนี้ใคร ไม่เอาเปรียบใคร