ดร.พีระพงษ์ ไพรินทร์ นำทีมเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ พรรคไทยรักกัน พร้อมนโยบาย เสรีกัญชา หวังให้เป็นพืชเศรษฐกิจพัฒนาประเทศ
9 ส.ค. 63 ที่ห้องคอนเวนชั่น อาคารศูนย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน พรรคไทยรักกัน จัดการประชุมใหญ่ ประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง และนโยบายพรรค พร้อมลงคะแนนลับให้ ดร.พีระพงษ์ ไพรินทร์ เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักกัน ซึ่งมีกรรมการบริหารพรรคจำนวน 15 คน มีแกนนำพรคประกอบด้วย ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดร.สุเทพ สุวรณเกตุ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร นายบัณฑูร นิยมาภา (ลุงตู้)แกนนำจิตวิญญาณเครือข่ายกัญชาไทย
พร้อมดื่มน้ำสาบานสัจจะว่าจะซื่อสัตย์ ไม่คิดคด ทรยศต่อนโยบาย “เสรีกัญชา” หวังให้เป็นพืชเศรษฐกิจนำการพัฒนาประทศ พร้อมประกาศ ปลดหนี้ประเทศ ปลดหนี้ครัวเรือน ปลอดโรค และนอกจากนโยบาย เสรีกัญชา ยังนำเสนอนโยบายด้านการเมือง ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่เลื่อนลอย ไม่ขายฝัน ภายใต้ปรัชญาของพรรคไทยรักกันคือ ” พัฒนา ศรัทธา สามัคคี “
ดร.พีระพงษ์ ไพรินทร์ หัวหน้าพรรคไทยรักกัน ระบุต้องการเสนอแก้ไขกฎหมายปลดกัญชาออกยาเสพติด เพื่อให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ พืชทางการแพทย์ พืชครัวเรือน ที่ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเสรีแท้จริงและให้บริการสาธารณสุขให้มีเอกภาพเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากการบริหารของหน่วยงานรัฐต่างคนต่างทำไม่เป็นระบบ ไม่มียุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการปัญหากัญชาร่วมกัน พร้อมจะบริหารจัดการการตลาด ราคา ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อป้องกันมิให้มีกลุ่มนายทุนหรือนักการเมืองมาแสวงหาประโยชน์ และปลดภระหนี้ของประเทศภายใน 4 ปี พร้อมตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า ทุกวันนี้คนไทยที่ปลูกกัญชา ถูกจับเข้าคุกด้วยมือของคนไทยด้วยกันเอง แทบทุกวัน ทั้งที่กัญชาได้รับการรับรองจาก 67 ประทศทั่วโลก และกัญชาไทยก็เป็นสายพันธุ์ดีที่สุดในโลก เหตุใดจึงต้องถูกจำกัด สิทธิ เสรีภาพ และการให้เกษตรกรผลิตกัญชาร่วมกับบริษัทเอกชนเกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนเท่าไหร่และเกษตรกรจะตกเป็นครื่องมือของบริษัทเอกชนหรือไม่
หัวหน้าพรรคไทยรักกัน ย้ำว่า ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งใดๆ และพร้อมจะให้ความร่วมมือของทุกคนในการพัฒนาประเทศไทย ต้องการสร้างความสามัคคีที่เกิดจากเหตุผล
“สิ่งที่เกิดขึ้นทุกที่ในเวลานี้คือประเทศไทยมีหนี้สิน 17 ลลบ. 11 ล้านล้านแรก เกิดจากหนี้สินครัวเรือนในประเทศที่มีประมาณ 21 ล้านครัวเรือน ตกคนละ 550,000 บาท ในขณะที่ประเทศมีหนี้สินจากการเงินการคลังและหนี้หนี้สินจากการกู้ประมาณ 7 ลลบ. รวมกันแล้วประมาณ 18 ลลบ. หากนโยบายเสรีกัญชาเกิดขึ้น เราจะเอาพื้นที่ที่มีอยู่ 321 ล้านไร่ เราจะเอาออกมาเพียง 5% หรือประมาณ 17 ล้านไร่ เราจะบูรณาการกฎหมายให้มีกฎหมายฉบับเดียวในการจัดการที่ดิน ในการจัดการต่อคุณภาพการศึกษา”
“การจัดการตลาดในระบบรัฐต่อรัฐ เราจะให้ประชาชนได้ปลูกร่วมกันโดยกระบวนการหาทุนมาให้ โดยไม่ต้องผ่านเอกชนและขายสู่ประเทศทั่วโลก ใน 4 ปีที่เราเข้ามาบริหารประเทศ เราจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศทั้งหมด 32 ลลบ. 32ลลบ.นั้น ใน 4 ปี หักภาระหนี้สินครัวเรือน ภาระหนี้หนี้สินประเทศ จะมีเงินเหลือคงคลังไม่น้อยกว่า 14 ลลบ. ด้วยเหตุนี้ เมื่อกัญชาดัง ข้าว เราจะตาม ยาง เราจะตาม มัน เราจะตาม อุตสาหกรรมเราจะตาม เราจะใช้วิธีวิธีการรัฐต่อรัฐเราจะไม่ยอมให้เอกชนเข้ามากอบโกยจากทรัพย์สินอันมีค่าของประชาชนทุกคนและทันทีที่พรรคไทยรักกันเป็นรัฐบาล “พรรคไทยรักกัน” จะจดสิทธิบัตรกัญชาหางกระรอกในวันนั้นทันที “