เฟสบุ๊กของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้ ออกแถลงการณ์ ภายหลัง 8 แกนนำกปปส.ได้รับการให้ประกันตัว และให้ปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้(26 ก.พ.64) โดยระบุว่า
จากกรณีการตัดสินของศาลอุทธรณ์ในวันนี้ (26 ก.พ. 64) เกี่ยวกับการอนุญาตให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว 8 แกนนำกลุ่ม กปปส (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ) ซึ่งประกอบไปด้วย
1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
2.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ (อดีตรมต.กระทรวงศึกษาธิการ)
3.นายชุมพล จุลใส
4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ (อดีตรมต.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม)
5.นายถาวร เสนเนียม (อดีตรมต.ช่วย กระทรวงคมนาคม)
6.นายอิสระ สมชัย
7.นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ (อดีตพระพุทธอิสระ)
8.ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์
โดยให้เหตุผลว่า โทษจำคุกของคดีนี้นั้นไม่ได้มีอัตราโทษสูง จำเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง จึงอนุญาตให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างชั้นอุทธรณ์ได้ โดยตีราคาประกันอยู่ที่ 800,000 บาท และมีเงื่อนไขห้ามออกนอกราชอาณาจักรไทยเว้นแต่ได้รับการอนุญาตจากศาลชั้นต้น
———————————————————————
แต่ในขณะเดียวกันนั้น เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อ.พนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว 4 ราษฎร
ประกอบด้วย
1.”เพนกวิ้น” พริษฐ์ ชิวารักษ์
2.”ทนายอานนท์” อานนท์ นำภา
3.สมยศ พฤกษาเกษมสุข
4.”หมอลำแบงค์” ปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม
ในคดีมาตรา 112 และ มาตรา 116 จากการชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร และ การชุมนุม #14พฤศจิกา หรือชุมนุม MOBFEST โดยการยื่นคำร้องครั้งนี้เป็นการยื่นคำร้องขอประกันตัวทั้ง 4 ผู้ถูกกล่าวหาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยมีการเพิ่มหลักทรัพย์ประกอบการขอประกันตัวจากเดิมวงเงิน 300,000 บาท ต่อคน เป็น 400,000 บาท ต่อคน แต่ศาลชั้นต้นยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทั้ง 4 ผู้ถูกกล่าวหา โดยให้เหตุผลว่า หากอนุญาตให้มีการปล่อยตัวจำเลยทั้ง 4 นั้น จำเลยอาจจะก่อเหตุลักษณะเดิมซ้ำอีก จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว และยกคำร้องขอประกันตัวในครั้งที่ 3 นี้
———————————————————————
ผลการตัดสินของศาลจากทั้ง 2 คดีที่มีผลออกมาเช่นนี้ ชี้ให้เห็นแล้วว่า ขณะนี้ศาลที่เปรียบเสมือนตราชั่งที่เที่ยงตรง ยุติธรรม และเป็นกลาง ได้ทำการเลือกข้างเองเสียแล้วหรือไม่?
การตัดสินคดีเช่นนี้ถือการเลือกปฏิบัติจากศาลเองเช่นนั้นหรือ?
หากศาลไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับเราได้แล้ว อาจจะถึงเวลาที่ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยโดยสมบูรณ์นั้นจะต้องออกมาเรียกร้องให้ศาลวางตัวเป็นกลางในการพิจารณาคดีโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ซึ่งจะทำให้ศาลกลับมาเป็นเสมือนตราชั่งทองที่ธำรงค์ไว้ซึ่งความยุติธรรมธรรมต่อไป
แต่หากศาลยังคงยึดแนวทางการพิจารณาคดีด้วยจิตใจที่ไม่เป็นธรรมอยู่ดังเดิม ก็ขอให้ท่านทั้งหลายพึงระลึกไว้เสมอว่า ประชาชนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของภาษีที่แปรสภาพเป็นเงินเดือนของพวกท่านนั้น จะคอยจับตามอง และตรวจสอบการทำงานของพวกท่านเสมอ และหากวันใดที่ประชาชนเป็นใหญ่ คงจะถึงคราวสังคายนา
ระบบยุติธรรมไทยที่พริ้วไหวตามใบสั่ง”นาย”เสียที
วีรพร นักเขียนซีไรต์ ฟาดแรง! เปิดสาเหตุคนรุ่นใหม่โกรธ และเกลียดกลุ่ม กปปส.
เผย 3 เหตุผล และเงื่อนไขการให้ประกันตัว 8 แกนนำ กปปส.
ขอบคุณภาพ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน