ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บรรยาย “เศรษฐกิจซบเซาและซึมยาว SME ไทยจะรับมืออย่างไร” แนะลดเงินเดือนผู้บริหารช่วงวิกฤต แทนลดเงินเดือนพนักงาน จี้รัฐบาลต้องยกเลิกทุนผูกขาด หวังให้อุตสาหกรรมโต
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จัดเวทีบรรยายในหัวข้อ “เศรษฐกิจซบเซาและซึมยาว SME ไทยจะรับมืออย่างไร” โดยนายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า หลักแล้วกำไรของนิติบุคคลเอกชนจะเป็นภาษีให้กับรัฐบาล ยิ่งบริษัทมีกำไรมากขึ้น รัฐบาลจะได้ภาษีไปด้วย
ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อช่วยเหลือให้บริษัทเอกชนและเอสเอ็มอีมีกำไร ในสถานการณ์ที่เจอเศรษฐกิจซบเซาสิ่งที่กระทบหนักสุด คือยอดขายของบริษัท เมื่อยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า ผลกระทบจะเกิดทันที ดังนั้นสิ่งที่เอกชนต้องทำเป็นอย่างแรก คือ การต้องรู้และเข้าใจตัวเองด้วยการทำแบบจำลองในทางธุรกิจว่าเราจะอยู่จุดไหน เช่น ถ้ายอดขายลดลงเท่าไรถึงจะขาดทุนผ่านการใส่ต้นทุนแปรผันกับต้นทุนคงที่ เพื่อจะได้รู้ว่าเราจะถึงจุดที่จะต้องลดค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
“เมื่อครั้งบริษัทของผมเกิดปัญหาก็ดำเนินการลดเงินเดือนผู้บริหารก่อนเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่เริ่มจากลดเงินเดือนของพนักงาน ดังนั้น ในภาวะวิกฤติกำไรขาดทุนเป็นเรื่องรอง แต่สิ่งที่สำคัญ คือ กระแสเงินสด โดยต้องประมาณการณ์การเก็บเงินสดให้มากที่สุด
เพื่อให้บริษัทมีเงินสดในการหมุนเวียนทางธุรกิจและสร้างเสถียรภาพในทางธุรกิจ เนื่องจากเวลาเกิดวิกฤติและงบดุลของบริษัทเริ่มติดลบ จะมีโอกาสน้อยที่สถาบันทางการเงินจะปล่อยเงินกู้ให้อีกครั้ง” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวอีกว่า ในแง่ของเศรษฐกิจมหภาคนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐจะต้องมีความเข้มแข็งเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ โดยเฉพาะการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ในอดีตประเทศไทยได้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศแต่ผ่านมา 60 ปีประเทศก็ยังคิดแค่การเปิดรับการลงทุนทั้งที่ในประเทศไทยมีสภาพคล่องล้นระบบแล้ว
ดังนั้นถ้าภาครัฐสามารถออกกฎหมายเพื่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ได้ก็จะนำมาสู่การจ้างงานอีกมหาศาล เช่น การสร้างโรงคัดแยกผลไม้เพื่อพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรแบบในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ผลิตผลิตที่ออกขายมีมาตรฐาน หรือ การยกเลิกการใช้ลานตากข้าวบนถนนด้วยแรงงานคนซึ่งควบคุมอุณหภูมิและความชื้นไม่ได้
แต่จะใช้เครื่องอบข้าวที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ เพื่อให้เป็นเกษตรก้าวหน้า เป็นต้น เพราะการก้าวไปเป็นประเทศที่พัฒนาจะต้องมีเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป็นของตัวเอง การจะไปอย่างนั้นรัฐต้องลดเลิกการพึ่งพิงเม็ดเงินการลงทุนต่างประเทศ
นายธนาธร กล่าวว่า การยกเลิกการผูกขาดเป็นเรื่องสำคัญมาก ประเทศที่พัฒนาแล้วย่อมมีกลุ่มทุนใหญ่ระดับประเทศและต้องพากลุ่มทุนเล็กขึ้นมาด้วย โดยกลุ่มทุนใหญ่จะต้องไปแข่งขันในระดับโลกไปพร้อมกันทั้งอุตสาหกรรม แต่ของไทยไม่ใช่อย่างนั้น
เพราะเป็นการใช้อาศัยความใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจเพื่อสร้างกฎระเบียบบางประการ กลุ่มทุนใหญ่ในไทยไม่ได้เล่นบทบาทในระดับโลกที่ควรจะเล่น ไม่ใช่สะสมทุนในประเทศด้วยการผูกขาดและการใช้เครือข่ายอำนาจรัฐและเบียดเบียนผู้ประกอบการขนาดเล็กในประเทศ ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขตรงนี้ เพื่อให้อุตสาหกรรมของประเทศเติบโตและเกิดการสร้างงานไปได้