มูลนิธกระจกเงา ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทบทวน ระเบียบการใส่เครื่องแบบนักเรียน ชี้ เครื่องแบบนักเรียนไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ พร้อมห่วงสิทธิเสรีภาพนักเรียน
จากกรณีภาคีนักเรียน KKC และกลุ่มนักเรียนเลว ประกาศเชิญชวนนักเรียนใส่ชุดไปรเวทไปเรียนในวันที่ 1 ธ.ค. และกลุ่มนักเรียนเลวได้เปิดเผยรายชื่อโรงเรียนที่เข้าร่วมแคมเปญดังกล่าวกว่า 23 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนกัลยาณวัตร โรงเรียนสุรนารีวิทยา โรงเรียนชลกันยานุกูล โรงเรียนสารวิทยา โรงเรียนหอวัง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โรงเรียนสตรีวิทยา
โรงเรียนบดินทรเดชา สิงห์ สิงหเสนี โรงเรียนสตรีวิทยา2 โรงเรียนศรียานุสรณ์ โรงเรียนมัธยมตากสิน โรงเรียนสวนกุหลาบรังสิต โรงเรียนเบญจมราชาลัย โรงเรียนชลราษฎรอำรุง โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล โรงเรียนสตรีราชินูทิศ
นักเรียนเลว มาตามนัด! ชุมนุมหน้ากระกรวงศึกษา ร่วมกิจกรรม 1 ธันวาบอกลาเครื่องแบบ
ไม่จบ! นักเรียนเลว นัดชุมนุมกระทรวงศึกษาธิการ หลังมีครูลงโทษเด็กแต่ง ชุดไปรเวท
ล่าสุด มูลนิธิกระจกเงา ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าว โดยเรียกร้องให้มีการต้องมีการทบทวน และอภิปรายระเบียบการใส่เครื่องแบบนักเรียน โดยระบุว่า จากกรณีการเคลื่อนไหวของนักเรียน รวมกลุ่ม 23 โรงเรียนแต่งชุดไปรเวทไปโรงเรียน เพื่อแสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพในการแต่งกาย ทำให้เกิดการลงโทษ หรือปฏิกิริยาโต้กลับของคุณครู และโรงเรียนในฐานะผู้ควบคุมกฎระเบียบในโรงเรียน
มูลนิธิกระจกเงา ในฐานะองค์กรที่เปิดรับบริจาคชุดนักเรียนมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา เราส่งต่อชุดนักเรียนไปทั้วประเทศแล้วหลายหมื่นชุด เห็นได้ชัดว่าผ่านมา 20 ปีแล้ว แต่ระเบียบการใส่เครื่องแบบนักเรียนยังเป็นปัญหา สร้างความเหลื่อมล้ำอย่างมาก สร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง อย่างไรก็ตาม แม้เราเห็นว่าเป็นภาระ แต่กฎระเบียบโรงเรียนได้กำหนดให้ผู้ปกครอง และเด็กต้องทำตาม
กลุ่มนักเรียนเลว เปิดช่องทางให้นักเรียนแจ้งชื่อครู-โรงเรียน ที่ห้ามแต่ง ชุดไปรเวท
ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นเพียงมูลนิธิ เป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์องค์กรหนึ่ง การขับเคลื่อนโดยลำพัง ย่อมไม่มีขีดความสามารถ ที่จะผลักดันให้เกิดการยุติความเหลื่อมล้ำนี้ ที่ผ่านมาเราจึงเพียงขอทำหน้าที่ในการอุดข้อจำกัดของชุดนักเรียนนี้ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเราสนับสนุนให้เกิดการใส่เครื่องแบบนักเรียน อันนำมาซึ่งความเดือดเนื้อร้อนใจของผู้ปกครอง และเด็ก
เราไม่เชื่อว่าการใส่ชุดนักเรียนจะสร้างสิ่งที่เรียกว่าระเบียบวินัยได้ ใน 5 วันต่อสัปดาห์ เด็กนักเรียนต้องใส่เครื่องแบบนักเรียน 2 วัน เครื่องแบบลูกเสือ 1 วัน เครื่องแบบพละ 1 วัน และหากเป็นโรงเรียนในต่างจังหวัด ยังมีชุดพื้นเมืองที่ต้องจัดหาเพิ่มอีก 1 ชุด
ในขณะที่รัฐอุดหนุนค่าเครื่องแบบนักเรียน ระดับอนุบาล คนละ 300 บาท/ปี ระดับประถมศึกษา คนละ 360 บาท/ปี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น คนละ 450 บาท/ปี ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คนละ 500 บาท/ปี และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ คนละ 900 บาท/ปีเท่านั้น ทำให้ค่าใช้จ่ายเครื่องแบบนักเรียนจึงเกินงบประมาณที่รัฐจัดสรรให้อยู่มาก
เราจึงพบเห็นได้อยู่เสมอว่า มีเด็กในพื้นที่ห่างไกล หรือในโรงเรียนขนาดเล็กเด็กยากจน จะมีชุดนักเรียนอยู่ชุดเดียว ซัก 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และใส่จนดำ เด็กบางคนใส่ชุดนักเรียนทับกันสองชั้นเพื่อทับจุดที่ขาดของแต่ละตัวไว้ เด็กบางคนใส่ชุดนักเรียน แต่ไม่มีรองเท้านักเรียนให้ใส่ และเด็กบางคนไม่มีถุงเท้านักเรียนใส่ ในขณะที่ฝั่งของผู้ปกครอง ก็จะถูกกดดันให้จัดหาเครื่องแบบนักเรียน หากครอบครัวไหนที่ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ เหมือนจะถูกตีตราว่าไม่สนับสนุนการศึกษาของลูก
เราไม่รู้หรอกว่า จุดลงตัวจะอยู่ตรงไหนในเรื่องนี้ แต่มูลนิธิกระจกเงา ขอเรียกร้องให้เกิดการทบทวนและอภิปรายในเรื่องเครื่องแบบนักเรียน กับปัญหาความเหลื่อมล้ำ และภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และหมายรวมถึงการทบทวนสิทธิเสรีภาพเด็ก ที่ควรมีต่อเนื้อตัวร่างกายของตนเอง
มูลนิธิกระจกเงา
1 ธันวาคม 2563