วราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ ลงพื้นที่ตรวจไฟป่าภาคเหนือ พบเสียหาย 8.5 ล้านไร่ พร้อมสำรวจแนวเขตไฟไหม้ดอยสุเทพ-ปุย ขอไม่ซ้ำเติมแผ่นดิน
27 มี.ค. 63 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ผ่านระบบ Video Conference ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า) จังหวัดเชียงใหม่
โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า) ผู้ตรวจกระทรวงฯ อธิบดีกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงส่วนราชการในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และกองทัพภาคที่ 3 ร่วมประชุมรับทราบนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ขณะที่ นายพงศ์บุณย์ ปองทอง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติ) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า) รายงานความเป็นมาของศูนย์ฯ สถานการณ์ไฟป่าภาพรวม และแนวทางการดำเนินงานของศูนย์ฯ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ รายงานการดำเนินงานป้องกันและควบคุมไฟป่าของภาคเหนือทั้งหมด มีพื้นที่รวมประมาณ 33 ล้านไร่ พบว่าป่าไม้ดังกล่าวถูกเผาไหม้ไปแล้วรวม 8.5 ล้านไร่ ใน จ.เชียงใหม่
จากนั้น รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานป้องกันและควบคุมไฟป่า ระบุว่า ป่าภาคเหนือ 33 ล้านไร่ ถึงจะถูกไฟไหม้ไป 8.5 ล้านไร่แต่เป็นป่าที่ฟื้นตัวได้ ยืนยันสามารถควบคุมไฟป่าภาคเหนือได้ละไม่เชื่อว่าจะมีการกระทำโดยเผาเอางบประมาณ เพราะ จนท.ที่เข้ามาทำงานล้วนมีความรักผืนป่าด้วยกันทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นายวราวุธ และคณะผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงฯ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่เกิดไฟป่าและร่วมกำจัดเชื้อเพลิง รวมถึงหารือแนวทางการฟื้นฟูสภาพป่าและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ณ บริเวณพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ โดยในการลงพื้นที่ในครั้งนี้ พบพื้นที่ป่าเสียหายกว่าแสนไร่ ซึ่งไม่สามารถคำนวณมูลค่าความสูญเสียหายที่เกิดขึ้นได้
สรุปผลการหารือแนวทางแก้ไขปัญหาไฟป่าและการฟื้นฟูสภาพป่า
- ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันอย่างเร่งด่วน
- ให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ กรมป่าไม้ สนับสนุนดูแลเรื่องสวัสดิการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุก ๆ ท่านที่อยู่ในพื้นที่
- ในช่วงที่ประกาศปิดพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั้งหมด หากพบมีผู้บุกรุก ให้จับกุมดำเนินคดีทันทีโดยมิให้ละเว้น
- ให้สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะในโรงเรียนและสถานบันการศึกษา เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นเก่าในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ป่าและความเสียหายจากไฟป่า
- ขอให้พิจารณาแนวทางการใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV (Unmanned Aerial Vehicle) ในการสำรวจตรวจจับจุดความร้อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและเจ้าหน้าที่ให้รวดเร็วขึ้น อีกทั้ง ให้กรมป่าไม้ประสานไปยังกองทัพอากาศ เพื่อขอความสนับสนุนในการใช้ขอมูลจากเทคโนโลยี UAV มาประกอบการปฏิบัติงาน
- พิจารณาแนวทางการกำหนดเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำในหมู่บ้านต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังในหมู่บ้านพื้นที่ที่ความเสี่ยงและพื้นที่ที่พบว่ามีการเผาบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย และพะเยา โดยให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองให้ร่วมทีมเพื่อความรอบคอบรัดกุม
- พิจารณาจัดหาอุปกรณ์ที่มีความทันสมัย มีความเหมาะสมสำหรับใช้ในทีมดับไฟป่าและลาดตระเวน ทีมละอย่างน้อย 1 ชุด เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างความฮึกเหิมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
- ด้านงบประมาณสนับสนุน ขอให้มีการพิจารณาปรับงบประมาณให้เหมาะสม