นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ได้แชร์ข่าวผลสำรวจเรื่องการแย่งเก้าอี้ในรัฐบาลว่า
ไม่มีใครไปกลั่นแกล้งใส่ความ มันทำตัวมันเองทั้งสิ้น
นี่คืออีกหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เผด็จการรัฐประหาร คสช. ไม่ได้ปฏิรูปอะไรได้สำเร็จ โดยเฉพาะการปฏิรูปทางการเมือง พวกมันไม่ได้ปฏิรูปให้ดีขึ้นเลย นอกจากไม่ได้ปฏิรูปทางการเมืองให้ดีขึ้นแล้ว พวกมันยังทำลายการพัฒนาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยจนวิบัติฉิบหายไปหมด
ตั้งแต่การเขียนกติกา(รัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ) เพื่อประโยชน์ของพวกมัน เอาเปรียบพรรคการเมืองคู่แข่งอย่างชั่วเลวที่สุด เพียงเพื่อต้องการสืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร ยอมตระบัดสัตย์ว่าจะไม่อยู่ยาว เอาเงินที่ได้มาโดยมิชอบจัดตั้งพรรคการเมืองของทหารขึ้นมา โดยการไปบังคับ ต่อรอง ซื้อตัว นักการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่มีคดีติดตัวให้มาอยู่กับพรรคของตัวเอง เพื่อหวังคะแนนเสียง และทำให้พรรคโตในทันที แต่การไปเอานักการเมืองเขี้ยวลากดินที่มีมลทินติดตัวดังกล่าวมาอยู่กับเผด็จการทหาร ก็เหมือนทุกข์ลาภ เพราะเมื่อได้อำนาจมาแล้ว นักการเมืองเหล่านี้ก็แย่งเก้าอี้กันเหมือนหมาแย่งกันกินขี้ จึงเป็นผลกรรมที่พรรคพลังประชารัฐต้องได้รับ จะไปโทษพรรคฝ่ายค้านหรือไปโทษผู้ใดไม่ได้นะ
บรรดาสลิ่มทั้งหลายที่เชียร์เผด็จการรัฐประหาร คสช. หายหัวไปไหนกันหมด ไม่กล้าออกมายอมรับความจริง(รับผลกรรม)ใช่หรือไม่?
ทั้งนี้ โพสต์ของนายวีระมีขึ้น หลังซูเปอร์โพลทำผลสำรวจเกี่ยวกับแนวโน้มฐานจุดยืนทางการเมืองของประชาชนตั้งแต่ กรกฎาคม พ.ศ.2562 ถึงช่วงเหตุวุ่นๆในรัฐบาล พบว่า ฐานสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลลดฮวบลงอย่างรวดเร็วจาก 46.9% ลงมาอยู่ที่36.1 % เพราะความวุ่นวาย ความขัดแย้ง แย่งตำแหน่งในรัฐบาลในช่วงวิกฤตโควิด-19 บนความทุกข์ยากของประชาชน