ไม่คิดจะหลบหนี! วัฒนา ลั่นพร้อมชี้แจงปมคดี บ้านเอื้ออาทร 4 ก.พ.นี้

วัฒนา ลั่นพร้อมชี้แจงปมคดี บ้านเอื้ออาทร หลังได้รับความกรุณาจากองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ไปแถลงการณ์ด้วยวาจาในวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565

นาย วัฒนา เมืองสุข นักการเมืองและทนายความ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โพสต์เฟซบุ๊ก Watana Muangsook ข้อความระบุว่า “ผมได้รับความกรุณาจากองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ไปแถลงการณ์ด้วยวาจาในวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 09.30 นาฬิกา ตามหมายท้ายโพสต์นี้

เดิมผมเคยชักชวนให้ท่านที่สนใจไปฟังผมแถลงการณ์ที่ศาลฎีกา แต่ผมเพิ่งทราบจากทนายว่าหากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ความจะไปรับฟังการแถลงการณ์ จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนซึ่งผมคงไม่อาจระบุชื่อทุกท่านที่ประสงค์จะไปรับฟังได้

ผมจะสรุปรายละเอียดของคดีที่ผมจะไปแถลงต่อศาลให้ทุกท่านได้ทราบข้อเท็จจริงอีกครั้ง เมื่อได้ฟังอย่างครบถ้วนแล้วผมเชื่อว่าทุกท่านจะเข้าใจว่าเหตุใดผมจึงยังยืนหยัดต่อสู้คดีโดยไม่เคยคิดจะหลบหนี

ทั้งที่มีแต่คนแนะนำให้ผมหลบไปตั้งหลักก่อน เพราะหากผมหลบหนีก็จะเป็นการช่วยให้การปั้นน้ำเป็นตัวทั้งหลายที่ คตส. ทำมาทั้งหมดกลายเป็นเรื่องจริง

ก่อนที่จากนั้น นายวัฒนา เมืองสุข โพสต์เฟซบุ๊ก Watana Muangsook ระบุเพิ่มเติมว่า

“กราบเรียนพี่น้องประชาชน

หลายท่านคงแปลกใจว่าทำไมผมจึงยังไม่หนีไปไหนหลังการยื่นอุทธรณ์คดีบ้านเอื้ออาทร ขอแจ้งกำหนดการให้ทราบว่าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ผมจะแถลงปิดคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และจะไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 4 มีนาคม 2565

คดีนี้เป็นคดีที่ 12 ที่ผมได้มาทั้งหมดหลังการรัฐประหารปี 2549 และการรัฐประหารปี 2557 ในขณะที่คดีอื่นๆ ยกฟ้องไปหมดแล้ว นี่คือคดีสุดท้ายที่มิได้มีความซับซ้อนอะไรแต่กลับใช้เวลากว่า 12 ปีในการพิจารณา หากท่านได้รับฟังพยานหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมดด้วยความใส่ใจก็จะทราบว่าเพราะเหตุใดผมจึงไม่เคยคิดหนี และจะเป็นคนแรกที่ไปถึงศาลในวันนัดอ่านคำพิพากษา หลังจากที่ต้องอดทนต่อการถูกตัดสินโดยศาลเตี้ยในสังคมมายาวนานนับแต่วันแรกที่มีข่าวคดีนี้บนหน้าสื่อ
เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้ศาลกำหนดให้ส่งรายชื่อผู้ร่วมรับฟังการแถลงปิดคดีในห้องพิจารณาที่จำกัดที่นั่งล่วงหน้า ผมจึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้สื่อสารประเด็นสำคัญในคดีต่อพี่น้องประชาชนครับ

“ข้อเท็จจริงคดีบ้านเอื้ออาทร”

นายวัฒนา เมืองสุข (จำเลยที่ 1) ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจรัฐมนตรีโดยมิชอบออกประกาศรับซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทรฉบับใหม่เพื่อใช้เป็นช่องทางเรียกรับประโยชน์จากผู้ประกอบการ ทำให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เสียหายต้องรับซื้อโครงการในราคาที่แพงขึ้น จากนั้นจำเลยที่ 1 ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการและเรียกค่าตอบแทนการอนุมัติหน่วยก่อสร้างต่อหน้าที่ประชุมหน่วยละ 11,000 บาท ใครไม่ตกลงจะไม่อนุมัติหน่วยก่อสร้างให้เว้นแต่จะมีหน่วยเหลือจึงจะนำมาจัดสรรให้ในภายหลัง
ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความเท็จที่เกิดจากจินตภาพของประธานอนุกรรมการไต่สวนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของจำเลยที่ 1 ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่พยานได้ให้การในชั้นศาล โดยแบ่งรายละเอียดสำคัญออกเป็น 7 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่ 1 เรื่องการออกประกาศรับซื้อโครงการ (ToR)

ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. สรุปว่าการออกประกาศดังกล่าวทำตามขั้นตอนเพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าของโครงการ และเป็นการดำเนินการตามมติ ครม. ทำให้ กคช. สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริง เป็นประโยชน์ต่อ กคช. และประชาชนที่จองซื้อโครงการไว้ ไม่ได้ทำให้ กคช. เสียหายและเอกชนไม่ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ToR ฉบับนี้ถูกร่างขึ้นภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตัดช่องโหว่ที่จะทำให้เกิดการทุจริตจากการพิจารณาด้วยดุลพินิจได้ เพราะเป็นการพิจารณารับซื้อด้วยคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้โดยวิธีเช็คลิสต์ ผู้ประกอบการทุกรายจึงเพียงมีคุณสมบัติและหลักประกันครบถ้วนมาแสดงต่อผู้ตรวจสอบเท่านั้น จึงเป็นประกาศที่ถูกใช้มาแม้ภายหลังที่มีการยึดอำนาจแล้ว

ประเด็นที่ 2 เรื่องการอนุมัติหน่วยก่อสร้าง
ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. สรุปว่าผู้ประกอบการที่ยื่นคำขอมาในระยะเวลาของประกาศ หากมีคุณสมบัติ ทุนจดทะเบียน และหลักประกันถูกต้องจะได้รับอนุมัติหน่วยก่อสร้างตามคำขอทุกรายโดยยังมีหน่วยเหลือไม่มีผู้ขออีกถึง 58,000 หน่วย เพราะโครงการบ้านเอื้ออาทรในยุคของจำเลยที่ 1 ได้มีการวางหลักเกณฑ์ของ ToR ในลักษณะที่ปิดโอกาสของการคอร์รัปชั่น และมีหน่วยก่อสร้างมากกว่าความต้องการผู้ประกอบการ จึงไม่มีความจำเป็นที่ผู้ประกอบการจะต้องวิ่งเต้นให้ได้งาน ซึ่งถ้าไปเทียบกับคดีการทุจริตในกรณีอื่นจะเห็นว่าส่วนใหญ่การวิ่งเต้นจะเกิดเพราะมีการแข่งขันแย่งงานของผู้ประกอบการหลายเจ้าซึ่งแย่งงานหรือแย่งโครงการกัน ต่างจากโครงการบ้านเอื้ออาทรในยุคของจำเลยที่ 1 ที่ไม่มีมูลเหตุจูงใจให้ต้องวิ่งเต้น

ประเด็นที่ 3 เรื่องการจ่ายเงินล่วงหน้าแก่ผู้ประกอบการตามสัญญา
ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. สรุปว่าเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตามเงื่อนไขของสัญญาที่ผ่านการตรวจพิจารณาของ อสส. แล้ว เป็นไปตามระเบียบและหลักเกณฑ์ของ กคช. มีหลักประกันถูกต้อง ไม่มีความเสียหายและไม่มีผู้ใดกระทำความผิด
ประเด็นที่ 4 เรื่องการดำเนินการตามประกาศของกรรมการและเจ้าหน้าที่ กคช.

ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. สรุปว่าผู้ว่าการ คณะกรรมการ คณะกรรมการกลั่นกรอง และเจ้าหน้าที่ กคช. ทุกคนไม่มีผู้ใดกระทำความผิดในการดำเนินการตามโครงการบ้านเอื้ออาทรให้ข้อกล่าวหาตกไป (ยกเว้นนายมานะ วงศ์พิพัฒน์ ซึ่งถูกชี้มูลแต่ต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องว่าไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา)

ขอบคุณภาพเฟซบุ๊ก Watana Muangsook

ประเด็นที่ 5 เรื่องการกล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการต่อหน้าที่ประชุม
ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง เนื่องจาก

(1) มีพยานเพียงคนเดียวที่กล่าวหาจากผู้เข้าประชุมเกือบ 50 คน ซึ่งต่อมาพยานปากนี้ได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน และได้ไปให้การใหม่ต่อหน้าผู้แทน อสส. และ ป.ป.ช. ฝ่ายละ 10 คน ว่าที่ให้การไปเพราะถูก คตส. สั่งให้พูดเพื่อแลกกับการไม่ถูกฟ้องเป็นจำเลย

(2) การเรียกร้องค่าตอบแทนต่อหน้าที่ประชุมซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริหารระดับสูง เจ้าหน้าที่ กคช. และเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. หลายสิบคน ไม่ใช่วิสัยของคนปกติที่จะกระทำ ส่วนผลการไต่สวนพยานคนอื่นๆ ที่เข้าประชุมยืนยันว่าไม่มีการเรียกร้องผลประโยชน์ตามข้อกล่าวหา

(3) การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมเรื่องเงินล่วงหน้าที่ผู้ประกอบการที่ได้งานแล้วขอเบิกตามสัญญา ผู้ประกอบการทุกรายที่มาร่วมประชุมล้วนเป็นผู้ที่ได้รับอนุมัติให้เป็นคู่สัญญากับ กคช. แล้ว จึงได้มีสิทธิขอเบิกเงินล่วงหน้าตามสัญญา ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่าเรียกเงินเพื่อแลกกับการอนุมัติหน่วยก่อสร้างจึงเป็นไปไม่ได้เพราะผู้ประกอบการทุกรายได้รับอนุมัติหน่วยก่อสร้างและเป็นคู่สัญญาแล้ว (ตามรายงานของ ป.ป.ช. ผู้ประกอบการทุกรายได้รับอนุมัติหน่วยก่อสร้างโดยไม่มีใครไปเรียกร้องค่าตอบแทนและยังมีหน่วยก่อสร้างที่ไม่มีผู้ขออีกถึง 58,000 หน่วย)

(4) ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. และคำพิพากษาคดีนี้ที่สรุปว่าผู้ว่าการ กรรมการ และเจ้าหน้าที่ กคช. ทุกคนไม่มีผู้ใดกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ดังนั้น เมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่กระทำทุกอย่างถูกต้อง จำเลยที่ 1 ที่เป็นรัฐมนตรีผู้กำกับนโยบายจึงจะกระทำผิดเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการไม่ได้ อีกทั้งการดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนจึงไม่มีผลประโยชน์ตอบแทนเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการต้องจ่ายเงิน

(5) ผลการตรวจสอบเส้นทางเงินของจำเลยอื่นที่ถูกกล่าวหาว่ามีการแอบอ้างอำนาจของจำเลยที่ 1 เพื่อเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการแลกเปลี่ยนกับการได้รับอนุมัติให้เป็นคู่สัญญากับ กคช. นั้น พยานหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นธุรกรรมที่ใช้เพื่อธุรกิจ ค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน และการดำเนินกิจการของบริษัทนั้นๆ เอง ไม่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับจำเลยที่ 1 หรือเจ้าหน้าที่รัฐผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการ และตรวจสอบเส้นทางการเงินของจำเลยที่ 1 แล้วไม่พบธุรกรรมที่ผิดปกติ
ประเด็นที่ 6 เรื่องกระบวนการไต่สวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เมื่อข้อกล่าวหาเป็นเท็จเพราะเกิดจากจินตภาพของประธานอนุกรรมการไต่สวนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกับจำเลยที่ 1 จึงเกิดกระบวนการไต่สวนที่ไม่ชอบและมีการกระทำที่ผิดกฎหมายเพื่อให้พยานปรักปรำจำเลยที่ 1 ให้เป็นไปตามโครงเรื่องที่วางไว้ กล่าวคือ

(1) ใช้อำนาจคณะอนุกรรมการไต่สวนก่อนได้รับการแต่งตั้ง
(2) ใช้อำนาจตามอำเภอใจจูงใจ ให้คำมั่นสัญญา ขู่เข็ญผู้ประกอบการเพื่อให้ร่วมมือกล่าวหาจำเลยที่ 1 แลกกับการไม่ถูกฟ้องอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะในขณะทำการไต่สวนยังไม่มีกฎหมายอนุญาตให้กันผู้มีส่วนร่วมกระทำความผิดไว้เป็นพยาน
(3) กฎหมายห้ามอ้างพยานที่เกิดจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หรือโดยมิชอบประการอื่นเป็นพยานต่อศาล
(4) พยานหลายคนให้การยอมรับกลางศาลเองว่า คตส. ทำคำให้การขึ้นเองแล้วเรียกพยานมาลงนามเพื่อแลกกับการไม่ถูกฟ้องโดยพยานไม่ทราบข้อเท็จจริง
(5) สำเนาเอกสารที่เป็นพยานโจทก์หลายฉบับที่ใช้ปรักปรำจำเลยที่ 1 ถูกทำขึ้นเองและไม่ตรงกับต้นฉบับ

ขอบคุณภาพเฟซบุ๊ก Watana Muangsook

ประเด็นที่ 7 เรื่องปัญหาข้อกฎหมาย
จำเลยที่ 1 เป็นรัฐมนตรีมีอำนาจกำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ กคช. แต่ไม่มีอำนาจในตำแหน่งสามารถอนุมัติให้ผู้ประกอบการได้เป็นคู่สัญญากับ กคช. ตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจเป็นตัวการกระทำความผิดตาม ปอ. มาตรา 148 ตามที่ศาลพิพากษาได้ ส่วนผู้ที่มีอำนาจอนุมัติให้ผู้ประกอบการได้เป็นคู่สัญญากับ กคช. คือกรรมการซึ่งไม่มีผู้ใดกระทำความผิด จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้เพราะไม่มีตัวการกระทำความผิด

หมายเหตุ
(1) การต่อรองกับผู้ประกอบการเพื่อกันไว้เป็นพยาน คตส. ได้ยอมรับเองตามหนังสือของประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2551 ความว่า “หากผู้รับเหมารายใดให้ความร่วมมือ ให้ปากคำไปตามความเป็นจริง คตส. ก็มีแนวทางจะไม่กล่าวหาผู้รับเหมานั้นในฐานให้สินบน” ก่อนที่จะทำคำให้การขึ้นเองแล้วเรียกผู้รับเหมามาเซ็น

(2) ประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการกันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดีฯ เพิ่งประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2554 อันเป็นภายหลังจากการกันพยานคดีนี้โดย คตส. และ ป.ป.ช. จึงเป็นพยานที่เกิดจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ฯ ไม่ชอบด้วย ป. วิอาญา ที่ห้ามอ้างเป็นพยาน

(3) การดำเนินโครงการตามประกาศฉบับใหม่ในสมัยจำเลยที่ 1 ไม่มีความเสียหาย ส่วนโครงการบ้านเอื้ออาทรที่อำเภอสุไหงโกลกที่มีการนำมาโจมตีทางโซเชียลมีเดียว่าเป็นโครงการร้างสร้างความเสียหายนั้น ตามข้อมูลของไทยพีบีเอสแจ้งว่าเป็นโครงการที่เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนกันยายน 2550 ส่วนจำเลยที่ 1 พ้นจากตำแหน่งเพราะการยึดอำนาจตั้งแต่ปี 2549 แล้ว

ขอบคุณภาพเฟซบุ๊ก Watana Muangsook และ การเคหะแห่งชาติ

เคาะ! แรมโบ้อีสาน ดร.เสกสกล คุมแก้ปัญหาขายหวยราคาแพง

ประยุทธ์ ยินดี! สื่อโลกยกไทยติดโผ 26 ชาติรับมือโควิดดีที่สุด ประเมิน 12 ปัจจัย

ประยุทธ์ อวยพร ตรุษจีน 2565 แนะฉลองเทศกาลมีความรับผิดชอบ ป้องกันโควิด

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

สรุป! นักแสดงดาวรุ่ง “คิมซองชอล” ตัดสินใจต่อสัญญากับ Story J Company

นักแสดงชื่อดัง “คิมซองชอล” ได้ตัดสินใจเดินทางต่อกับต้นสังกัดเดิมของเขา Story J Company พร้อมสัญญาสุดพิเศษในครั้งนี้!

“อ.ไวท์” เปิดดวงการงาน 5 ราศี เปลี่ยนแปลงงานแล้วจะปัง!

อาจารย์ไวท์ เปิดดวง เผย ดวงการงาน รับวันแรงงาน 2567 : 5 ราศี เปลี่ยนงานแล้วรุ่ง! ธุรกิจปัง! ผู้ใหญ่เมตตาคอยช่วยเหลือ

แร็ปเปอร์สาว รับ เป็นไบเซ็กชวล! ลั่น ไม่ปิดกั้น รักได้ทั้งชาย-หญิง

แร็ปเปอร์สาวชื่อดัง ยอมรับ เป็นไบเซ็กชวล! รักได้ทั้งชาย-หญิง เผย เปรียบเทียบที่นิสัยเพราะมีความแตกต่างกัน

อ๋อม สกาวใจ ตัดพ้อ! แจ้งความเอาผิด คอมเมนต์หื่น สุดท้ายกลับทำอะไรไม่ได้ ?

อ๋อม สกาวใจ เข้าแจ้งความเพราะทนไม่ไหว เจอคอมเมนต์คุกคามทางเพศจากชาวเน็ต แต่สุดท้ายกลับทำอะไม่ได้ พร้อมเตือนประชาชนให้ดูแลตัวเอง

สาวทอมหน้าเด็ก ตระเวนลักทรัพย์ ถูกรวบคาม่านรูด อ้างเป็นเด็ก 10 ขวบ

หลักฐานมัดตัว! สาวทอมหน้าเด็ก ตระเวนลักทรัพย์ ล่าสุด! เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าจับคาม่านรูด รีบอ้างเป็นเด็ก 10 ขวบ

“อีแชมิน” นักแสดงชื่อดัง ถอนตัวเป็นพิธีกรรายการเพลง “Music Bank”

นักแสดงหนุ่ม “อีแชมิน” จะถอนตัวจาก MC รายการเพลง “Music Bank” ในเดือนพฤษภาคม และนักแสดงหน้าใหม่ “มุนซังมิน” กำลังพิจารณา MC คนใหม่ในรายการ
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า