ศาลขอนแก่น ตัดสินจำคุก “ไผ่ ดาวดิน” 2 ปี 6 เดือน หลังให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และ พรบ.คอมพิวเตอร์
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 15 ส.ค.2560 ที่ห้องพิจารณาคดี 8 ชั้น 3 ศาล จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาล จ.ขอนแก่น ได้มีการนัดพิพากษาคดีตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และ พรบ.คอมพิวเตอร์ ของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน โดยมีการปิดป้ายสีแดงว่าเป็นการพิจารณาคดีทางลับ และห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด มีเพียง องค์คณะตุลาการ,อัยการ,นายกฤษฎางค์ นุตจรัสและ น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความฝ่าย,จำเลย และครอบครัวของจำเลย เข้าร่วมรับฟังได้เท่านั้น ขณะที่บริเวณหน้าห้อพิจารณาคดี มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลประจำอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปภายในห้องพิจารณาคดี โดยมีกลุ่มสมาชิกดาวดินและผู้ที่ให้การสนับสนุนไผ่ ดาวดิน รออยู่ด้านหน้าห้องพิจาณาคดีจำนวนมาก โดยศาล ได้อ่านคำพิพากษาโดยใช้เวลานานกว่า 30 นาที ก่อนที่จะมีคำสั่งพิพากษาจำคุกผู้ต้องหา 5 ปี แต่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพจึงมีคำสั่งลดโทษครึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวว่า ในวันนี้เป็นวันที่ศาล จ.ขอนแก่น ได้ขอเบิกตัวผู้ต้องหา มาเพื่อสอบพยานโจทก์ ครั้งที่ 2 ตามที่ได้กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 15-17 ส.ค. แต่ด้วยผู้ต้องหาได้แถลงต่อศาลในการรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้อหาโดยทีทีมทนายความนั้นมีหน้าที่ทำตามความต้องการของผู้ต้องหาและครอบครัวของผู้ต้องหา จึงทำการแถลงต่อศาล ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วนั้น ศาลท่านจึงมีคำสั่งพิจารณาคดีความทันที โดยมีคำสั่งจำคุกผู้ต้องหาตามความผิดประมลกฎหมายอาญา ม.112 ทั้งหมด 5 ปี แต่ด้วยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงเห็นควรลดโทษลงครึ่งหนึ่ง โดยคงเหลือ 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และให้รับโทษมาตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2559 ซึ่งจนถึงขณะนี้ผู้ต้องหานั้นจะครบกำหนดการคุมขัง 8 เดือน ในวันที่ 22 ส.ค. ที่จะถึงนี้ เท่ากับว่าผู้ต้องหาจะมีการนับวันคุมขังหลังมีคำพิพากษาในคดีนี้ต่อไปอีก 1 ปี 10 เดือน หรือ 22 เดือน
สำหรับในการยื่นขออุทรณ์ต่อศาลหรือไม่นั้นคงต้องปรึกษากับครอบครัวและผู้ต้องหาอีกครั้ง ในการดำเนินการใดๆต่อไป ซึ่งมีเวลา 30 วันตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งทีมทนายความจะกลับไปประสานการทำงานร่วมกันทุกฝ่าย รวมทั้งการเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา เพื่อหารือร่วมกันในส่วนต่างๆ ทั้งนี้ผู้ต้องหายังคงเหลือการพิจารณาคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นศาล แยกเป็น ศาล มทบ.23 ว่าด้วยความมั่นคง และ ศาล จ.ภูเขียว ตามความผิดกฎหมาย ซึ่งทีมทนายความจะหารือร่วมกันในการต่อสู้คดีที่คงเหลือต่อไป