สถานการณ์ที่วัดพระธรรมกาย ประตู6 ยังปิดสนิท มีพระสงฆ์นั่งรวมตัวอยู่ภายใน ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พระมหานพพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ปรากฏตัว แต่ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ
ขณะที่พระสนิทวงศ์ ให้สัมภาษณ์ ไม่ขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะมี ม. 44 มาคุมพื้นที่ในวัดแล้ว แต่ก็ไม่รับปากว่าจะสามารถเจรจากับมวลชนที่นั่งขวางประตูทางเข้าวัดได้หรือไม่
ด้านพล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ลงพื้นที่เดินทางมาดูแลตรวจสอบความเรียบร้อยที่บริเวณประตู 5 และประตู 6 ของวัดพระธรรมกาย พร้อมทั้งได้ขอรถพยาบาล และรถสุขา มายังจุดนี้ รวมทั้งขอให้รวมกำลังเพื่อรอรับคำสั่งจากพ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเมื่อตรวจสอบในจุดนี้เรียบร้อยแล้วก็ได้เดินทางไปยังจุดอื่นๆ ต่อไป
โดยบรรยากาศที่ประตู 5 และ 6 ศิษยานุศิษย์ยังคงนั่งสวดมนต์ทั้งในวัดและนอกวัด ทั้งนี้หากมีผู้ต่อสู้หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ด้วยการนั่งขัดขวาง หรือนำสิ่งของมากีดขวางถนน เพื่อไม่ให้เจ้าพนักงานดำเนินการได้สะดวก จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการต่อสู้หรือขัดขวางโดยใช้กำลังทำร้ายหรือขู่ว่าจะทำร้าย โดยการกอด ดึง รั้ง ไม่ให้เจ้าพนักงานปฏิบัติงาน หรือมีการใช้เลเซอร์ยิงใส่อากาศยานไร้คนขับหรือโดรนของเจ้าพนักงาน จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับการดำเนินการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่จะดำเนินการโดยปราศจากอาวุธ และความรุนแรงมีการอธิบายเหตุผล ขั้นตอนกับศิษยานุศิษย์ พร้อมทั้งแสดงหมายค้นเข้าตรวจค้น ซึ่งหากเจ้าหน้าที่พบพระธัมมชโย จะปฏิบัติ 6 ขั้นตอน คือ แสดงหมายศาลแจ้งสิทธิตามกฎหมาย แจ้งข้อเท็จจริง แจ้งข้อกล่าวหา ถามคำให้การ และเชิญตัวออกมาอย่างสุภาพ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัย เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและคัดแยกบุคคล โดยจะมีการตรวจสอบบัตรประชาชนของศิษย์ยานุศิษย์ ซึ่งเป็นเพียงเครื่องมือเบื้องต้นในการพิสูจน์ตัวตน และคัดกรองคนที่บริสุทธิ์ และผู้ไม่หวังดีออกจากกันเท่านั้น
