พนักงานธนาคารดังมีเอี่ยว ตำรวจขยายผลแก๊งคอลเซนเตอร์จีน พบว่าการเปิดบัญชีธนาคารของกลุ่มชาวจีนในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีกลุ่มเอเจนซีและกลุ่มพนักงานธนาคารเกี่ยวข้องกับกลุ่มคอลเซนเตอร์ ตำรวจภูธรภาค 2 จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับรวม 5 คน คือ ผู้จัดการธนาคาร 1 คน, พนักงานธนาคาร 2 คนและล่ามแปลภาษา 2 คน
ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. แถลงข่าวว่า ลักษณะความผิดของเจ้าหน้าที่ธนาคาร คือ การปลอมเอกสารการเปิดบัญชีขึ้นมาให้กับผู้ต้องหาชาวจีนและเอกสารการประกอบธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหา
สำหรับการขยายผลทั้ง 15 บัญชี พบความเชื่อมโยงนำไปหลอกลวงผู้เสียหาย และมีการดำเนินคดีแล้วกว่า 106 คดี นอกจากนี้ยังพบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องและนำไปหลอกลวงอีก 462 บัญชี ซึ่งจากการตรวจสอบพบบัญชีที่มีการแจ้งความแล้ว 2,084 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท
พล.ต.อ. ธัชชัย ระบุว่า จากมาตรการเข้มงวดในการเปิดบัญชีม้าและการซีลชายแดน ทำให้แก๊งคนร้ายต่างชาติเริ่มปรับกลยุทธ์ โดยหันมาเปิดบัญชีม้าด้วยตนเองโดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว จากนั้นจะทำการถอนเงินสดจากตู้ ATM เพื่อนำเงินที่หลอกได้กลับประเทศตนเอง และพบว่ามีเจ้าหน้าที่ธนาคารบางกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการทำเอกสารเท็จให้กับกลุ่มคนร้ายเหล่านี้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ศปอส.บช.น. ได้ขยายผลการสืบสวนกลุ่มคนร้ายสัญชาติจีนที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจะตระเวนกดเงินสดและถอนเงินจำนวนมากที่เคาน์เตอร์ธนาคารอย่างรวดเร็ว หลังเปิดบัญชีได้เพียง 1-2 วันก็จะเดินทางออกนอกประเทศทันที จากการรวบรวมข้อมูลพบว่ามีเงินถูกถอนไปแล้วกว่า 91 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนเชิงลึกพบว่าชาวจีนทั้ง 15 ราย ที่เปิดบัญชีธนาคารนั้น มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนในประเทศไทยคอยอำนวยความสะดวก ทั้งจัดหาซิมโทรศัพท์และเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีเงินโอนเข้าบัญชีทั้ง 15 บัญชี รวมกว่า 118 ล้านบาท จากการตรวจสอบระบบแจ้งความออนไลน์ พบว่าบัญชีธนาคารของชาวจีนทั้ง 15 ราย มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว 106 คดี และพบอีก 462 บัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง ซึ่งมียอดแจ้งความรวมกว่า 2,084 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2.2 พันล้านบาท
วันที่ 24 เมษายน เจ้าหน้าที่ ศปอส.บช.น. ได้จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่จัดการและอำนวยความสะดวกให้กลุ่มคนร้ายชาวจีนรวม 5 ราย ได้แก่
- หยาง และ เซี่ย: ผู้ต้องหาชาวจีน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ อั้งยี่ และฟอกเงิน เกี่ยวข้องกับการจัดหาบัญชีม้า
- ฮาง และ หวู: ผู้ต้องหาชาวจีน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ และเป็นธุระจัดหาบัญชี เกี่ยวข้องกับการควบคุมการถอนเงิน
ขณะเดียวกัน การขยายผลยังพบว่าที่ธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีกลุ่มเอเจนซีและพนักงานธนาคารเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ ศปอส.ภ.2 จึงขออนุมัติหมายจับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 6 ราย คือ
- สิริลักษณ์, ชุติมา, และ ทรงพล: เจ้าหน้าที่ธนาคาร ในข้อหาเป็นธุระจัดหาบัญชี และร่วมกันสนับสนุนการฉ้อโกงประชาชนและฟอกเงิน
- มนธิดา และ ณรงค์ฤทธิ์: ล่าม ในข้อหาเป็นธุระจัดหาบัญชี
พล.ต.อ. ธัชชัย ย้ำว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์กำลังปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ธนาคารบางกลุ่ม ศปอส.ตร. จะเดินหน้าขยายผลจับกุม ยึดทรัพย์ และดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงจะร่วมมือกับธนาคารเพื่อวางมาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่ออุดช่องโหว่และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในอนาคต
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยระบบการเปิดบัญชีธนาคาร จเรตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า สถาบันการเงินอาจมีช่องโหว่ทางกฎหมายที่ทำให้ชาวต่างชาติที่ถือวีซานักท่องเที่ยวสามารถเบิกถอนเงินได้ง่าย โดยอาจต้องเพิ่มมาตรการเรื่องการยืนยันเอกสารหลักฐานให้มากขึ้น เพื่อความปลอดภัย ซึ่งตำรวจจะเร่งขยายผลสืบสอนปราบปรามผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เนื่องจากกลุ่มคอลเซนเตอร์ยังอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านและก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายคนไทยจำนวนมาก