สนั่นโซเชียล! ดราม่าในโลกออนไลน์ถึงใครผิดใครถูก ระหว่างแม่ค้าทุเรียน กับลูกค้า กรณีลูกค้านำทุเรียนเน่ามาขอเงินคืน ด้านแม่ค้าโต้คืนไม่ได้ เพราะทุเรียนไม่เน่า แต่สุกพร้อมกิน ก่อนที่ลูกค้าจะถ่ายคลิปโสต์ลงโซเชียล
กลายเป็นกระแสดราม่าขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ PareryAustin-n ได้โพสต์คลิปวิดีโอที่มีความยาว 3.33 นาที และภาพ 6 ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า “เถียงไม่ทัน จุกไม่ใช่อะไรหรอก ไม่อยากได้เงินคืน แต่พอเกิดเรื่องปากต่อปากพูดให้ฟัง หลายรายแล้วที่โดน ฝากแชร์ด้วยน่ะค่ะ” เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา สำหรับคลิปดังกล่าว เป็นเหตุการณ์โต้เถียงกันระหว่างแม่ค้าขายทุเรียนบริเวณริมถนนหน้าห้างแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งผู้ซื้อได้เลือกทุเรียนเอง ขณะที่แม่ค้าก็บอกให้เอาอีกลูก เพราะราคาไม่ต่างกันมาก แต่ผู้ซื้อก็ยืนยันว่าจะเอาลูกดังกล่าว ไปผ่าเองปรากฏว่าเน่า จึงได้นำมาคืนพร้อมขอเงินคืน แต่แม่ค้าก็ยืนยันว่าไม่ใช่ทุเรียนเน่ามันแค่สุกงอม แล้วก็มีการท้าทายให้แม่ค้าชิมดู พร้อมกับเถียงกันระยะหนึ่ง ผู้ซื้อบอกว่าจะนำทุเรียนไปโรงพัก แต่แม่ค้าก็ไม่เกรงกลัว และจะร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจเช่นเดียวกัน
หลังจากคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก เพียงระยะเวลาแค่ 6 ชั่วโมง ยอดแชร์ออกไป 2,842 ครั้ง มียอดดูคลิปกว่า 3 ล้านครั้ง โดยส่วนใหญ่เข้ามาตำหนิพฤติกรรมไม่เหมาะสมของร้านค้าแห่งนี้ ทั้งเรื่องป้ายระบุราคาสินค้าไม่ชัดเจน โดยป้ายระบุว่าทุเรียนหมอนทองหวานมันรับประกันเนื้อ แต่ผู้ซื้อดังกล่าวกลับได้ทุเรียนพันธุ์ชะนีไป
ล่าสุด ทางทีมข่าวไบรท์นิวส์ได้สอบถามความคืบหน้าไปยัง พันตำรวจเอก ยศวัจน์ งามสง่า ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทางฝ่ายผู้ซื้อทุเรียน ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนางเที่ยง สิมลี แม่ค้าขายทุเรียน ในข้อหา “นำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาจำหน่ายให้กับลูกค้า” ขณะที่นางเที่ยง แม่ค้าทุเรียน ก็ได้แจ้งความกลับทางฝ่ายผู้ซื้อด้วยเช่นกันในข้อหา “หมิ่นประมาทโดยการนำคลิปวิดีโอเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์” ทางพนักงานสอบสวนจึงได้แยกสอบสวนคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย และรวบรวมหลักฐานในการดำเนินคดีแล้ว
โดย นางเที่ยง แม่ค้าทุเรียน ได้เปิดใจกับทีมข่าวไบรท์นิวส์ว่า หลังจากที่มีกระแสเรื่องทุเรียนเน่าออกไป ตนเองได้รับผลกระทบอย่างมากทั้งด้านจิตใจ และขาดความน่าเชื่อถือจากลูกค้า ทำให้ไม่มีใครกล้ามาซื้อทั้งที่ได้ชี้แจงกับลูกค้าว่า ให้เอาหมอนทองดีกว่า แต่ลูกค้ายืนยันที่จะเอาทุเรียนลูกดังกล่าวให้ได้ เพราะราคาถูก ต่อมาลูกค้าได้เอาทุเรียนมาคืนตนก็ไม่รับคืน เพราะได้บอกไปแล้วว่าไม่รับคืน และทราบว่า ลูกค้าเอาไปโพสต์ทางโซเชียลก็ได้มีคนประณามต่างๆ นานา ทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย และจะฟ้องร้องให้ถึงที่สุด
ทางด้านลุงเปี้ยก ผู้ที่มาช่วยขายทุเรียน ก็ได้ออกมาช่วยยืนยันว่า ได้กินทุเรียนร้านนี้บ่อยๆ ทุเรียนที่นี่เนื้อดี และส่วนมากจะตามใจลูกค้าว่าชอบแบบไหนก็จะเลือกให้ แต่ถ้าลูกค้าเลือกเองเราก็ต้องตามใจเขา เพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจของลูกค้า
ขณะที่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้(18 เม.ย. 61) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านขายทุเรียนดังกล่าว พร้อมทั้งลงบันทึกข้อความทุกคำพูดของแม่ค้าทุเรียน ก่อนที่จะให้แม่ค้าทุเรียนได้ลงนามในบันทึกไว้ให้กับเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ สคบ. ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยอ้างว่าต้องให้ทางผู้ใหญ่ให้สัมภาษณ์เท่านั้น
ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัด ได้ตรวจสอบตาชั่งว่ามีน้ำหนักได้มาตรฐาน หรือไม่ ปรากฏว่า ตาชั่งมีน้ำหนักได้มาตรฐาน แต่ป้ายระบุชนิดสินค้าไม่ชัดเจน โดยป้ายระบุว่า “ทุเรียนหมอนทองหวานมันรับประกันเนื้อ”แต่ที่ขายลูกค้ารายนี้ได้ไปเป็นทุเรียนพันธุ์ชะนี ซึ่งผู้ที่เคยทานระบุว่าเนื้อทุเรียนถ้าสุกมากจะมีลักษณะเหมือนที่ผู้ซื้อได้โพสต์ไปไม่ใช่ทุเรียนเน่า ในส่วนเรื่องเนื้อของทุเรียน เป็นหน้าที่ของ สคบ. โดยตรงที่จะต้องตรวจสอบคุณภาพของทุเรียนลูกดังกล่าว
โพสต์โดย Praely Ares เมื่อ วันอังคารที่ 17 เมษายน 2018