หนุ่มรับจ้างวัย 31 ปีตัดพ้อเรื่องงานก่อนตัดสินใจผูกคอตายคาห้องพักแห่งหนึ่งกลางเมืองสมุทรสาคร
เมื่อคืนวานนี้ (15 ก.พ.60 เวลา 19.00 น.) ศูนย์วิทยุนรสิงห์ สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุคนผูกคอเสียชีวิตในห้องพักจึงแจ้งให้ ร.ต.อ.หญิง จุฑามาส มีดีภาค รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบภายในซอยศรีสวัสดิ์ หอพัก เลขที่ 138/161 ม.3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณชั้นล่างห้อง 1/4 พบชายไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นลายพราง สภาพนอนคว่ำหน้าขวางประตูทางเข้า ศีรษะเข้าไปอยู่ในชั้นล่างของตู้เสื้อผ้า ใช้สายเมนโทรศัพท์ผูกคอมัดแน่นหนาหลายรอบ ที่ปลายสายเมนโทรศัพท์มัดกับพาวเวอร์แบงค์ โดยวิธีการให้ตัวพาวเวอร์แบงค์เป็นตัวยึดด้านนอกจากนั้นปิดล็อกประตูแล้วขึ้นไปยืนบนถังน้ำมัดคอด้วยสายเมนโทรศัพท์ จากนั้นโน้มตัวลงมาจนศีรษะลงไปอยู่ในชั้นล่างของตู้เสื้อผ้า สภาพศพแข็งเกร็ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง ตรวจสอบภายในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้และการรื้อค้นข้าวของ ทราบชื่อต่อมา คือ นายธนันชัย พลขำทอง อายุ 31 ปี ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน 67 ม.2 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร มีอาชีพรับจ้างทั่วไป
จากการสอบสวน น.ส.แก้วใจ วิจิตรา อายุ 38 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเองอาศัยอยู่กับสามีและลูกอีก 2 คน ช่วงเช้าตนออกไปทำงานแล้วกลับมากินข้าวกับสามีตอนพักเที่ยง สามีบอกไว้ก่อนออกไปทำงานว่าอยากกินก๋วยเตี๋ยว ตนจึงซื้อมาด้วย เมื่อมาถึงตนก็กินข้าวก่อนเพราะต้องไปทำงานอีก ถามสามีว่าทำไมไม่กินก๋วยเตี๋ยว สามีตอบว่าเดี๋ยวค่อยกินปวดหัวกินข้าวไปก่อนเลย จากนั้นตนก็ออกไปทำงาน กระทั่งเลิกงานกลับมาถึงห้อง พบว่าพาวเวอร์แบงค์มัดกับสายเมนโทรศัพท์ขัดอยู่หน้าประตูห้อง ตนจึงเรียกให้สามีเปิดประตูก็ไม่ตอบรับจึงขอความช่วยเหลือจากผู้ชายในหอพักและใช้เท้าพังเปิดประตู จึงพบว่าสามีผูกคอเสียชีวิตไปแล้ว
น.ส.แก้วใจ ยังให้การเพิ่มเติมว่า ตนเองก็ยังไม่มั่นใจว่าสามีมีปัญหาอะไรและไม่ได้ทะเลาะกัน จะมีก็เพียงเรื่องงานเพราะหลาย ๆ ครั้งที่ต้องเปลี่ยนงานรับจ้างไปเรื่อย ๆ จะปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานยาก เวลามีปัญหาก็จะกลับห้อง และหลัง ๆ จะบ่นว่าเบื่องานค่อนข้างบ่อย ส่วนในเรื่องของความสามารถนั้นผู้ตายทำได้หลายอย่างในสายงานช่าง ทางญาติ ๆ ไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งศพไปยังสถาบันนิติเวชเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนที่จะมอบให้ญาติประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป