กทม.ยันไม่ได้ตัดงบและไม่ต้องการบริหาร “หอศิลป์” เอง ตั้งงบฯ ช่วยเหลือ 40 ล้านบาท มอบสำนักวัฒนธรรมดูแลถึงปี 2562 ระบุไม่สามารถจัดงบประมาณช่วยเหลือได้ เพราะหลายโครงการที่มูลนิธิหอศิลป์เสนอมาเข้าข่ายค่าใช้จ่ายที่ต้องจัดการเอง ให้มูลนิธิฯ บริหารจนครบสัญญาปี 64
จากกรณีเครือข่ายศิลปินออกมาประท้วงกรณีกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตัดงบประมาณหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร จนหอศิลป์ ระบุว่า จะถูกตัดน้ำตัดไฟ และต้องมีมาตรการรัดเข็มขัด จนอาจกระทบกับการจัดงานและนิทรรศการต่างๆ ได้ ขณะที่เครือข่ายศิลปินมองว่า กทม.ตัดงบประมาณ และตั้งคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการมูลนิธิหอศิลป์ ที่มาจากทหาร เพื่อจ่อฮุบบริหารหอศิลป์ เอง
นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า กทม.ยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดนำหอศิลป์ มาบริหารเอง เพราะเป็นราชการอาจไม่คล่องตัว จึงให้เอกชนเข้ามาบริหาร ซึ่งยังคงเป็นมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยสัญญาการให้สิทธิตัวอาคารหอศิลป์ จะสิ้นสุดในปี 2564 ทั้งนี้ หลังจากที่สภา กทม.ไม่อนุมัติงบประมาณให้หอศิลป์ กทม. ได้ตั้งงบ 40 ล้านบาทช่วยเหลือ ผ่านไปยังสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ในหมวดงบรายจ่ายอื่น แล้วให้หอศิลป์เสนอโครงการเข้ามา ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้ตัดงบ แต่ติดขัดข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องเงินอุดหนุนของกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2560 ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาว่า หลายโครงการที่หอศิลป์เสนอมา ส่วนใหญ่เข้าข่ายตามสัญญาการให้สิทธิในข้อ 8 คือ ค่าใช้ที่เกิดจากการบริหารจัดการหอศิลป์ เป็นความรับผิดชอบของผู้รับสิทธิ คือ มูลนิธิหอศิลป์ คณะกรรมการจึงไม่อนุมัติตามที่ขอ และได้อนุมัติเพียงรายจ่ายที่เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ประมาณ 9 ล้านบาท
“ส่วนข้อกังวลของกลุ่มเครือข่ายศิลปิน และประชาชนที่ว่าจะได้รับผลกระทบต่อการจัดกิจกรรม การแสดงนิทรรศการต่าง ๆ เพราะอาจถูกตัดน้ำตัดไฟ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งการให้สำนักวัฒนธรรมฯ ดูแลให้ความช่วยเหลือเรื่องนี้ไปจนสิ้นสุดปีงบประมาณ 2562”รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าว
นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันที่ 1 ต.ค.นี้ กทม. จะเชิญคณะกรรมการมูลนิธิหอศิลป์มาประชุมหารือ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกัน คณะกรรมการวิสามัญศึกษาการดำเนินงานของหอศิลป์อยู่ระหว่างรวบรวมผลการศึกษา เพื่อหาทางออกเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
นายเฉลิมพล โชตินุชิต ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กล่าวว่า เงินที่นำมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟนั้น เป็นงบหมวดรายจ่ายอื่น ของสำนักวัฒนธรรมฯ ซึ่งจ่ายให้มาโดยตลอด เพราะเป็นเรื่องของสาธารณประโยชน์ ไม่คิดว่าเขาจะนำเรื่องนี้มากล่าวหา ว่าจะไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟ และทำให้เดือดร้อน ส่วนอื่น ๆ คงต้องรอการหารือในส่วนของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องว่าจะมีการแก้ไขสัญญากันอย่างไร เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้โดยไม่ติดขัด