“ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต” ฐิตินาถ ณ พัทลุง กับ “ครูเงาะ รสสุคนธ์” กองเกตุ ถ้าใครจำกันได้เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว ครูอ้อย ฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรบ่อทอง ถูกจดหมายข่มขู่ทางเว็บไซต์ให้ส่งเงินจำนวน 11 ล้านบาท ภายในเวลา 36 ชั่วโมง และหากไม่ทำตามจะกล่าวหาใส่ร้ายทุกเรื่องเพื่อให้เสียชื่อเสียงจนไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งผู้ต้องหาก็มี นายวินัย, นายบอส (นามสมมติ) และครูเงาะ ซึ่งมาชี้แจงข้อเท็จจิรงและแสดงความบริสุทธิ์ใจเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 แต่ดูเหมือนคดีจะยืดเยื้อและหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะวันนี้ “ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต” ให้ปากคำเพิ่มที่สำนักงานอัยการ จ.ชลบุรี
“ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต” หรือ น.ส.ฐิตินาถ ณ พัทลุง พร้อมด้วยทนายความและพยานอีก 2 ปาก เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สภ.บ่อทอง โดยสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการ จ.ชลบุรี นานกว่า 2 ชั่วโมง หลังเกิดกรณีเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.รสสุคนธ์ กองเกตุ หรือ “ครูเงาะ” ความผิดฐานกรรโชกทรัพย์, รีดทรัพย์, หมิ่นประมาท และนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานเพิ่มของการประกอบสำนวน ที่จะเป็นตามขบวนการว่าจะมีการฟ้องหรือไม่ฟ้อง
ทั้งนี้ “ครูอ้อย เข็มทิศชีวิต” เปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนถึงคดีที่ “ครูเงาะ” ที่ทำให้เกิดความเสียหายและถูกกรรโชกทรัพย์จำนวน 11 ล้านบาท เพื่อให้สำนวนการสอบสวนเดินหน้าต่อไป โดยส่วนตัวไม่ได้คิดโกรธ “ครูเงาะ” ซึ่งเป็นลูกศิษย์ และยังคงความปรารถนาดีเหมือนเดิม
ขณะที่ นายชิงชัง โชติแสง อัยการจังหวัดชลบุรี เผยว่าการที่ครูอ้อย เดินทางมาให้ปากคำที่สำนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี แทนที่จะเดินทางไปยัง สภ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ก็เพราะคดีดังกล่าวถือเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร แต่มีความผิดในประไทย จึงต้องรับโทษในประเทศไทย
เนื่องจากเว็บไซต์ที่โพสต์ภาพและข้อความหมิ่นประมาทมีการจดทะเบียนในต่างประเทศ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจในการสอบสวนได้จึงเป็นความรับผิดชอบของอัยการสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ส่วนครูเงาะ คาดว่าอีกสองสัปดาห์ก็จะเรียกมาสอบสวนเช่นกัน ทั้งนี้ อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้ผู้กำกับตำรวจภูธรบ่อทอง ส่งพนักงานสอบสวนมาสอบปากคำเพิ่มเติมร่วมกับทางพนักงานอัยการ โดยที่ตนเองจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนครูเงาะ คาดว่าอีก 2 สัปดาห์ก็จะเรียกมาสอบสวนเช่นกัน