สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เผยผลการประชุมกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปสื่อสารมวลชนว่า สปท.มีมติกำหนดโครงสร้างใน “สภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ” ใหม่ โดยให้มีกรรมการเท่าเดิมคือ 13 คน รวมประธาน แต่องค์ประกอบของกรรมการทั้ง 13 คน มีความเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เคยกำหนดให้มีข้าราชการมาระดับปลัดกระทรวงร่วม 4 คน เปลี่ยนเป็นให้มีสัดส่วน 4 คนมาจากข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานของสื่อสารมวลชนโดยตรงจำนวน 2 คนได้แก่ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และอีก 2 คนมาจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ซึ่งจะไปคัดกันเองในองค์กรอีกทีว่าใครจะมานั่งเป็นตัวแทนในสภาวิชาชีพ และจะสรรหาจากคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ซึ่งนอกจากนี้ยังมีการแก้ไขเนื้อหาเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองผู้เสียหายจากการทำหน้าที่สื่อ โดยผู้เสียหายนั้นสามารถยื่นเอกสารร้องเรียนไปยังสภาวิชาชีพฯ ได้ซึ่งสภาวิชาชีพฯ หลังจากได้คำร้องเรียนแล้วก็จะตั้งกรรมการสอบจริยธรรมเพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้จะไม่มีการตัดสิทธิของผู้เสียหาย ในการดำเนินการตามขั้นตอนของศาล สำหรับเรื่องการออกใบอนุญาตสื่อ นอกเหนือจากผู้ประกอบการสื่อวิทยุและโทรทัศน์ที่ต้องไปขอใบอนุญาตจาก กสทช.และ ผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ต้องไปขอใบอนุญาตกับกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว เสียงข้างมากของคณะกรรมการเห็นว่าทั้งผู้ประกอบการและสื่อมวลชนแต่ละคนควรจะมีการอบรมในหลักสูตร ซึ่งหลังจากผ่านหลักสูตรก็จะมีการออกใบอนุญาตประจำตัวสื่อมวลชนได้ ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาต ข้อมูลของผู้นั้นก็จะถูกนำไปรวมอยู่ที่ศูนย์ข้อมูลใหญ่ของทางสมาคม ถ้าหากสื่อคนไหนทำงานแล้วมีความดีความชอบ เขาก็จะได้รับการตอบแทนในเรื่องสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้ อาทิการเลื่อนเงินเดือน ค่าจ้าง การให้สิทธิในด้านการรักษาพยาบาล การสนับสนุนกรณีที่มีคดีความเกิดขึ้น หรือการจารึกลงหอเกียรติยศเป็นต้น และขณะเดียวกันสภาวิชาชีพฯ ก็จะมีอำนาจกำหนดในเรื่องของการลงโทษและการเพิกถอนใบอนุญาตสื่อด้วย