ทหารกองทัพภาคที่ 4 ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจ จ.ระนอง บุกยึดบ้านพักตากอากาศ และรีสอร์ท ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และป่าชายเลน บนเกาะพยาม จำนวน 11 จุด พร้อมทั้งติดประกาศให้เจ้าของทำพการรื้อถอนภายใน 30 วัน
พ.อ.กิตติ จันทร์เอียด ผู้แทนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 4ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 25ตำรวจป่าไม้ เจ้าหน้าที่ปาไม้ เจ้าหน้าที่ป่าชายเลน ตำรวจปากน้ำระนอง ผู้นำชุมชนและอีกหลายภาคส่วน เดินทางเข้าพื้นที่เกาะพยาม ม.1ต.เกาะพยาม อ.เมืองระนอง อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดระนอง เมื่อไปถึงได้แบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็นชุดๆ กระจายไปยังจุดเป้าหมายทั้ง11แห่ง มีทั้งบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ท สิ่งก่อสร้าง ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและบุกรุกป่าชายเลน
โดยจุดแรกเป็นรีสอร์ทติดริมทะเล เมื่อไปถึงพบเจ้าของ พร้อมนำคำสั่งศาล ภาค 8 ที่ระบุถึงความผิดในการบุกรุกป่าสงวน พร้อมทั้งยื่นหนังสือประกาศที่มีคำสั่งให้เจ้าของทำการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างภายใน30วัน แต่เจ้าของไม่ยอมรับหนังสือดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้นำหนังสือไปทำการติดป้ายที่ทางเข้ารีสอร์ท เพื่อเป็นการประกาศให้ทราบ พร้อมทั้งจะนำประกาศดังกล่าวไปติดไว้ที่บริเวณหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะพยาม และที่ว่าการอำเภอเมืองระนอง
ในส่วนของรีสอร์ทและบ้านพักที่เหลืออีก จำนวน10แห่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบ มีบางแห่งที่ไม่มีเจ้าของมาแสดงตัว เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดทันที เพราะเป็นการกระทำผิดอย่างชัดเจน แต่บางแห่งที่เจ้าของมาแสดงตัวการถือครอบครองที่ดิน แต่นำหลักฐานมาแสดงไม่ครอบคลุม เจ้าหน้าที่ได้ให้โอกาสไปจัดเตรียมเอกสารเพื่อมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ หากไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเจ้าของบ้านพักที่ยอมรับว่าบุกรุกที่ดินของป่าสงวน แต่ยอมออกจากพื้นที่ พร้อมขอเวลาเจ้าหน้าที่เพื่อทำการรื้อสิ่งก่อสร้างออกจากพื้นที่จำนวน 1 ราย
โดยหลังจากรวบรวมรายละเอียดทั้งเนื้อที่ สิ่งปลูกสร้าง บ้าน รีสอร์ท พร้อมทำการสอบพยานในพื้นที่ในเบื้องต้น เจ้าหนาที่ชุดตรวจสอบ จะได้นำหลักฐานทั้งหมดไปทำการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำระนอง เพื่อทำการสอบสวนอย่างละเอียด พร้อมเร่งดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิด ซึ่งในพื้นที่เกาะพยาม ยังมีทั้งรีสอร์ท บ้านพัก สิ่งก่อสร้างอีกหลายแห่ง ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เข้าตรวจค้นในครั้งนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบการครอบครองสิทธิ์ ทั้งนี้ เมื่อเจ้าของนำหลักฐานเข้ามาชี้แจง เจ้าหน้าที่ก็เข้าตรวจสอบซ้ำในพื้นที่จริงเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลของทางราชการ พร้อมสอบสวนพยานแวดล้อมเพื่อประกอบ ว่าจุดใดผิดบ้าง ก่อนจะดำเนินการตามกฎหมาย และรื้อถอนต่อไป