ชาวบ้าน ม.7 ต.หนองกระทุ่ม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ร้องทุกข์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาจัดการปัญหาน้ำในคลองเน่าเสียจนปลาตายลอยเป็นแพ
วันที่ 21 เม.ย.60 นายบัณฑิต ธรรมศาสตร์ อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 บ.ตีนเนิน ต.หนองกระทุ่ม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้นำผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบที่บริเวณลำคลองสาธารณะซึ่งเป็นคลองน้ำทิ้งของหมู่บ้านมีความยาวประมาณ 1 กม. ที่ชาวบ้านได้ใช้น้ำในคลองเพื่ออุปโภคบริโภค แต่ขณะนี้น้ำในคลองนั้นเกิดเน่าเสีย น้ำมีสีคล้ำ และทำให้ปลาตายลอยเป็นแพส่งกลิ่นเหม็นไปทั้งคลอง และที่สำคัญทำให้ชาวบ้านที่ต้องใช้น้ำในลำคลองก็ไม่สามารถใช้ได้ ซึ่งเกษตรกรที่ปลูกพืช เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว นาข้าว ได้สูบน้ำไปใช้เริ่มได้รับผลกระทบ เกษตรกรบางคนที่ปลูกพืชผักแบบผสมผสานและยังเลี้ยงปลาควบคู่ไปกับการปลูกมะพร้าว ต้องหยุดสูบน้ำเข้าร่องสวนเนื่องจากหวั่นเกรงน้ำเสียจะทำให้ปลาที่เลี้ยงไว้ตายยกบ่อ ชาวบ้านบางคนที่ปลูกบ้านอยู่ติดลำห้วยได้นำน้ำไปอาบในครัวเรือน เกิดอาการมีผื่นคันขึ้นตามร่างกายไม่สามารถใช้น้ำในการอุปโภคได้ ต้องไปซื้อน้ำจากร้านค้าข้างบ้านมาอาบและใช้ในครัวเรือนแทน โดยคลองสายน้ำจะมีชาวบ้านที่ต้องเดือดร้อนมากกว่า 50 ครัวเรือน
นายบัณฑิต ธรรมศาสตร์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 บ้านตีนเนิน กล่าวว่า จากการตรวจสอบดูลำคลองยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไรจากเหตุที่เกิดน้ำเน่าทำให้ปลาลอยตาย ส่งผลกระทบให้ชาวบ้านที่ปลูกพืช ผัก นาข้าวได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งคลองสายนี้เชื่อมต่อกับหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 9 ในต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และแถบนี้จะไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมหรือโรงงานต่างๆอยู่ จึงอยากรู้สาเหตุน้ำเสียที่ทำให้ปลาลอยตายจำนวนมากนั้นเกิดจากอะไร ขณะนี้ได้แจ้งกำนัน อบต. และทางอำเภอได้ทราบปัญหาเบื้องต้นพร้อมให้เข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากมีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนใช้น้ำไม่ได้มาเป็นวันที่ 3 แล้ว จึงอยากให้ช่วยเร่งดำเนินการตรวจสอบหาเหตุ พร้อมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านโดยเร็วด้วย
ทางด้าน นายชำนาญ จิตดี อายุ 49 ปี ชาวบ้าน ม.9 ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ บอกว่า ได้มาซื้อที่ประมาณ 6 ไร่เพื่อทำการปลูกผัก ทุกวันจะใช้น้ำในคลองรดพืชผักและใช้อาบครัวเรือน หลังเกิดน้ำเน่าเสียมีปลาตายและได้นำน้ำไปอาบตามปกติ ปรากฏว่าเกิดอาการคันตามตัวและยังมีกลิ่นเหม็น และหากนำน้ำไปรดพืชผักอีก อาจจะทำให้เกิดเชื้อราและใบเหลืองตายได้ ช่วงนี้จึงได้นำแกลลอนไปซื้อน้ำมาอาบแกลลอนละ 5 บาทมาใช้อาบแทน จึงอยากให้ช่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบตั้งแต่ปากทางต้นน้ำผ่านมาจนถึงที่เกิดน้ำเสีย เพราะหากยังไม่ได้รับการแก้ไขในอนาคตคงจะใช้น้ำไม่ได้อีกแล้ว