คดีน้องอองฟอง เด็กชายวัย 3 ขวบที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ในหมู่บ้านทับ ในขณะที่เด็กชายอองฟองเล่นหน้าบ้านของย่าและวิ่งตัดหน้ารถกลับเข้าบ้าน ทางครอบครัวได้เผาศพไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ที่ผ่านมา แต่ทางครอบครัวยังติดใจกับเพื่อนบ้านที่ขับรถชน เพราะทางฝ่ายย่าและแม่มองว่าเพื่อนบ้านช่วยเหลือเพียงแค่ทำบุญ 5 พันบาทและค่าดอกไม้หน้าศพ 15000 บาท ส่วนค่าปลอบขวัญทางเจ้าของรถยนต์ที่ทับน้องอองฟองขอให้เจรจาผ่านนายประกัน ทำให้ย่าและแม่น้องอองฟอง ต้องออกมาร้องผ่านเพจดังว่าไม่ได้รับการเหลียวแลเท่าที่ควร และรอการเจรจาต้นเดือนมกราคมนี้ แต่แม่ของอองฟอง ก็เปิดใจเงินเทียบไม่ได้กับชีวิตของลูก
นางสาวอมริน พันอาธรรม แม่น้องอองฟอง จุดธูปเชิญวิญญานอองฟอง ที่เสียชีวิตหน้าบ้าน หลังจากถูกรถยนต์ของเพื่อนบ้านทับเสียชีวิตในถนนซอยของหมู่บ้าน แม้ฝันร้ายจะผ่านมา 10 วันแล้ว และทำพิธีฌาปณกิจให้น้ององฟอง เสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ผู้เป็นแม่ก็ยังรับไม่ได้กับการสูญเสียลูก หัวใจของแม่แตกสลาย เมื่อรู้ว่าลูกจากไป และเธอรู้สึกสะเทือนใจทุกครั้งเมื่อมองพื้นถนนหน้าบ้าน เพราะเธอรู้ว่า อองฟองลูกรัก ถูกรถยนต์ทับเสียชีวิตตรงนี้ เธอบอกว่าทำใจไม่ได้เมื่อพูดถึงลูกแล้วจะร้องไห้ ไม่อยากพูดถึง ลูกเป็นแก้วตาดวงใจจากนั้นก็ก็ทรุดลงกับพื้น
ด้านนางอธิตรา ดีขัน ย่าของอองฟอง โต้แย้งว่ารถเพื่อนบ้านที่ทับ ร่างน้องออฟฟองจะบอกว่าไม่เห็นเด็กไม่ได้ และเคยติดป้ายเตือนเตือนให้ขับรถช้าๆๆระวังเด็ก และตั้งข้อสังเกตุว่า ทำไมเมื่อรถทับน้องอองฟองแล้ว เมื่อล้อหน้าทับร่างเด็ก คนขับรถน่าจะเบรก แต่กลับขับรถยนต์ไปต่อจนล้อหลังทับเด็กซ้ำ สิ่งที่ครอบครัวยังติดใจคือการเหลียวแลจากเพื่อนบ้านเจ้าของรถยนต์ที่ทับน้องอองฟองแม้จะมาร่วมงานศพบ้างและช่วยค่าทำศพ 2 หมื่นบาท โดยเป็นค่าทำบุญ 5 พันบาท และค่าดอกไม้ทำศพอีก 15000 บาท แต่เรื่องค่าสินไหนทดแทนยังไม่ได้ตกลงกัน
ขณะที่ทีมข่าวคุยกับญาติของน้องอองฟอง ฝั่งคู่กรณีก็ขับรถกลับมาพอดี นายกฤษณะ ศรีวิเชียร สามีคนที่ขับรถชนน้องอองฟอง กล่าวว่าพร้อมรับผิดชอบทุกกรณี และไปร่วมงานศพทุกคืน พร้อมขอให้เก็บใบเสร็จค่าใช้จ่ายพร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้และพร้อมที่จะดูแลช่วยเหลือและเยียวยาทั้งร่างกายและสภาพจิตใจ โดยทางฝ่ายของตนเองจะเหลียวแลเอาใจใส่ตลอดมา เป็นเรื่องที่ไม่จริงที่ไม่ใส่ใจ
การเจรจาของทั้งสองฝ่าย จะมีขึ้นในวันที่ 3 มกราคมปีหน้า และแม้ว่าสังคมโซเชียลจะมองว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากน้องอองฟองตัดหน้ารถยนต์ รวมทั้งเป็นความประมาทของผู้ปกครองน้องอองฟองที่ไม่ดูแลเด็ก
แต่ในทางกฏหมาย กรณีนี้ถือว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นคดีอาญาและสุดท้ายไม่ว่าครอบครัวน้องอองฟองจะได้รับค่าชดเชยเท่าไหร่ ก็คงไม่คุ้มค่ากับชีวิตของลูก และเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัว
อานนท์ สุดใจดี ถ่ายภาพ / รัตนกรณ์ โต๊ะหมัด รายงาน