นายภพปภพ ลรรพรัตน์ ผอ.สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ กล่าวว่า ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ได้นำตัวช้างป่าสีดอ เพชรชมพู หรือ พลายชมพู ซึ่งเป็นช้างป่าที่ ถูกน้ำป่าพัดจนได้รับบาดเจ็บ และได้รับการช่วยเหลือจากหลายหน่วยงานจนล่าสุดสามารถนำมารักษาที่ จังหวัดลำปางได้เป็นผลสำเร็จ
ซึ่งในพื้นที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยฯ แห่งนี้มีความพร้อมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์ในการดูแลรักษา รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากภาคส่วนต่างๆ ที่พร้อมจะให้การสนับสนุนในการดูแลรักษาช้างที่เจ็บป่วย โดยเฉพาะช้างตัวนี้ ซึ่งเป็นช้างป่า ที่ไม่คุ้นเคยกับคนและสถานที่แปลกตา ในการรักษานั้นต้องใช้ความระมัดระวังให้มากที่สุดแม้จะเป็นช้างที่บาดเจ็บ แต่พละกำลังของช้างยังมีมาก ดังนั้นจึงเลือกใช้พื้นที่ที่เป็นป่าธรรมชาติ พร้อมกันนี้ได้มีการจัดหาควาญช้าง เพื่อที่จะเข้าไปทำความใกล้ชิดกับช้างเพื่อทำให้ช้างเกิดความคุ้นเคย และทำการรักษาได้ง่ายขึ้น แต่คงต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง
ขณะนี้ได้มีการระดมสัตวแพทย์จากหลายหน่วยงานเช่น สัตวแพทย์ประจำ โรงพยาบาลช้างศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยจังหวัดลำปาง สัตวแพทย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สัตวแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติพันธุ์พืชและสัตว์ป่า และสัตวแพทย์จากส่วนกลาง เพื่อเข้ามาร่วมมือในการรักษาและดูแลช้างตัวนี้ให้ดีที่สุด
โดยขณะนี้ในเบื้องต้น ได้นำรถแบคโฮมาทำการพยุงช้าง และใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยช้างพยุงตัว เพื่อให้ช้างไม่ล้มตัวลงนอน เพราะจะเกิดอันตรายตามมา นอกจากนี้ บริเวณขาหลังที่บาดเจ็บ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ได้นำกองทรายและกองเศษหญ้าฟางแห้งมารองให้ช้าง เพื่อพักขาทั้งสองข้างแล้ว เพื่อป้องกันการกดทับบาดแผล นอกจากนี้ก็จะมีการให้อาหาร น้ำ และยาบำรุง แก่ช้างตลอดเวลา
ซึ่งทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหน พร้อมยื่นมือให้การช่วยเหลือช้างอย่างเต็มที่ และถ้าหากว่าขาดอุปกรณ์ชิ้นไหน ทางสถาบันการศึกษาที่เข้ามาให้การช่วยเหลือในการรักษาช้างป่าตัวนี้พร้อมให้การสนับสนุนทันที เพราะการทำงานครั้งนี้เน้นการบูรณาการของทุกภาคส่วน เพื่อให้การรักษาช้างประสบผลสำเร็จโดยเร็ว
ต่อมาทีมสัตวแพทย์นำโดย นายสัตวแพทย์ทวีโภค อังควานิช แถลงว่า จะต้องใช้เวลาในการรักษาช้างตัวนี้นานถึงหนึ่งปี หรืออาจจะมากกว่านั้น เนื่องจากช้างเป็นสัตว์ขนาดใหญ่มีน้ำหนักมากกว่า 4 ตัน โดยมีขาเป็นตัวรับน้ำหนักที่สำคัญ แต่ช้างตัวดังกล่าวไม่สามารถใช้ขาหลังทั้งสองข้างพะยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนได้
และการเป็นช้างป่าทำให้ การสื่อสาร การรับฟังคำสั่งไม่สามารถปฏิบัติได้เหมือนช้างเลี้ยง สำหรับอาการทั่วไปขณะนี้ยังไม่ปลอดภัย ยังคงต้องเฝ้าระวังและสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
ส่วนสาเหตุการบาดเจ็บ สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการกระแทกตามโขดหิน ขณะที่ถูกน้ำป่าพัดไปตามกระแสน้ำในลำคลองชมพู