นักเรียนชาย ม.ปลายโรงเรียนชื่อดังของภูเก็ต คุ้มคลั่งถือมีดบุกโรงพักพร้อมตะโกนบอกตำรวจว่า ยิงผมเลย ผมอยากตาย เนื่องจากผิดหวังเรื่องความรัก
จากกรณีมีการแชร์ว่อนคลิปบนโลกโซเซียลในไลน์กลุ่มต่าง ๆ ใน จ.ภูเก็ต โดยมีระบุข้อความว่า “นักเรียน โรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด คลุ้มคลั่ง มีดไล่แทงบน’สภ.เมือง จ.ภูเก็ต” เวลาประมาณ 17.50 น. ของวานนี้ (2 ก.พ.) ซึ่งเมื่อมีการเปิดดูคลิปปรากฏว่าเห็นนักเรียนผู้ชายรูปร่างอวบสวมเสื้อแขนสั้นสีส้มอ่อน สวมกางเกงวอ์รมขายาวสีฟ้าประจำโรงเรียนเปิดประตู สภ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต พร้อมถืออาวุธมีดยาวประมาณ 2 นิ้วเดินเข้าภายใน สภ.เมืองภูเก็ต ชั้น 1 ซึ่งเป็นเคาน์เตอร์บริการแจ้งความร้องทุกข์ บริการเสียค่าปรับ ระหว่างนั้นได้มีประชาชนมาใช้บริการเมื่อเห็นนักเรียนคนดังกล่าวถือมีดเดินเข้ามาประชาชนต่างก็วิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง หลังจากนั้นนักเรียนคนดังกล่าวได้กระโดดข้ามเคาน์เตอร์ดังกล่าวไปยังห้องพนักงานสอบสวนเวรประจำ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรอยู่ต่างวิ่งหนีกระเจิง ระหว่างนั้นก็มีเจ้าหน้าตำรวจอีกจำนวนหนึ่งพยายามเกลี่ยกล่อมนักเรียนคนดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวกับ พ.ต.อ.กมล โอศิริ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยนักเรียนชายคนดังกล่าวอยู่ระดับชั้นมัธยตอนปลายของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งมีปัญหาเรื่องความรักกับนักเรียนหญิงโรงเรียนเดียวกัน จากนั้นทั้งสองคนตกลงปัญหากันเรื่องความรักไม่ได้ แต่ระหว่างนั้นนักเรียนหญิงได้เข้ามาภายในสภ. แล้วนักเรียนชายได้เดินตามมาและถือมืดเดินเข้ามาภายในสภ.เมืองภูเก็ตแล้วได้เปิดประตูชั้น 1 ของ สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมตะโกนบอกว่า “ยิงผมเลย ผมอยากตาย” แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำตามตามคำเรียกร้องของนักเรียนคนดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งหลบให้ห่างจากนักเรียน
จากนั้นผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเกลี่ยกล่อมอยู่ประมาณ 20 นาที ต่อมานักเรียนคนดังกล่าวอารมณ์เริ่มเย็นลงและได้วางมีดลงกับพื้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ปกครองจึงได้เข้าใกล้นักเรียนชายคนดังกล่าวและให้นั่งลงแล้วได้มีการพูดคุยในเบื้องต้นทราบว่า นักเรียนคนดังกล่าวน่าจะผิดหวังเรื่องความรักจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาใด ๆ อยู่ระหว่างการสอบสวน นอกจากนั้นจะส่งตัวนักเรียนคนดังกล่าวไปตรวจที่ รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อพบแพทย์จิตเวชต่อไป