นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเมืองใหม่โคกกรวด จ.นครราชสีมา ยืนยันกรณีไม่ต่อสัญญาเช่าที่สาธารณะให้ขายไม้ดอกไม้ประดับโคกกรวดทำให้ผู้ประกอบการหลายรายได้รับความเดือดร้อน ชี้ทำไปเพราะปฏิบัตตามระเบียบของภาครัฐไม่มีการกลั่นแกล้ง
ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น จ.นครราชสีมา รายงานว่า ภายหลังจากที่บรรดาผู้ประกอบการร้านจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับโคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา รวมตัวกันมายื่นหนังสือกับศูนย์ดำรงธรรม จ.นครราชสีมา เพื่อร้องเรียนและขอความเป็นธรรมหลังถูกเทศบาลตำบลเมืองใหม่โคกกรวด สั่งให้ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายดอกไม้ไม้ประดับได้ย้ายออกจากพื้นที่ที่ทางเทศบาลฯ ได้เป็นผู้จัดสรรและทำสัญญาในจ่ายเงินค่าบำรุงเพื่อเป็นพื้นที่ทำกินมานานกว่า 20 ปี โดยทางเทศบาลฯ แจ้งว่า พื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่สาธารณะ จะต้องมีการส่งคืนพื้นที่แก่รัฐเพื่อนำไปพัฒนาภายในสิ้นเดือน ส.ค.60 นี้ ทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนจาการขอคืนพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะพื้นที่ที่ทางเทศบาลฯ ได้มีการหาให้เป็นพื้นที่ของเอกชนก็จะทำให้เกิดการเก็บค่าเช่าล็อกที่แพงขึ้นตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (7 ก.พ.60) ที่เทศบาลตำบลเมืองใหม่โคกกรวด ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา น.ส.รุ่งเรือง กาญจนวัฒนา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเมืองใหม่โคกกรวด เปิดเผยถึงข้อเท็จจริงกับกรณีดังกล่าว ว่า สำหรับเรื่องการขอคืนพื้นที่สาธารณะนั้นเป็นเรื่องของทางภาครัฐที่ได้มีการมอบหมายให้ทางเทศบาลทุกที่ได้มีการตรวจสอบพื้นที่สาธารณะของตนเองว่ามีกี่จุด
โดยเรื่องดังกล่าวได้มีการส่งเรื่องมายังเทศบาลฯ มาแล้วหลายปี ซึ่งทางเทศบาลก็ได้มีการพูดคุยกับทางผู้ประกอบการขายไม้ดอกไม้ประดับไปแล้วเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ในครั้งนั้นเป็นการพูดคุยแบบเปรียบเปรย ว่าพื้นที่สาธารณะในพื้นที่เทศบาลตำบลเมืองใหม่โคกกรวด นั้นก็มีพื้นที่บริเวณที่ขายไม้ดอกไม้ประดับอยู่ด้วย ดังนั้น ก็จะต้องมีการเตรียมตัวขยับขยายออกจากพื้นที่ แต่ก็จะต้องมีการรื้อสิ่งปลูกสร้างที่เป็นถาวรวัตถุออกไปจากพื้นที่สาธารณะเสียก่อน
ส่วนต้นไม้ที่จะนำมาวางจำหน่ายนั้นก็ยังคงที่จะสามารถวางขายได้ดังเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งที่ชัดเจนออกมา แต่ทางเทศบาลฯ มีการจัดเตรียมพื้นที่ที่เป็นของเอกชนซึ่งก็ไม่ห่างจากเดิมมากนัก ซึ่งหากผู้ประกอบการต้องการ ทางเทศบาลฯ พร้อมที่จะเป็นผู้เจรจากับเอกชนให้ว่าควรมีการเก็บค่าเช่าไม่แพงมากนัก
น.ส.รุ่งเรือง ยังบอกทิ้งท้ายด้วย ว่า สำหรับพื้นที่สาธารณะดังกล่าวนั้นมีพื้นที่อยู่ทั้งสิ้น 3 ไร่ มีผู้ประกอบการที่เข้าใช้พื้นที่จำนวนกว่า 20 ราย แต่อย่างไรก็ตาม ตนเองยืนยันว่าการดำเนินการทุกอย่างนั้นเป็นไปตามกรอบและระเบียบที่ได้รับมอบหมายจากทางรัฐ โดยไม่มีการกลั่นแกล้งผู้ประกอบการอย่างแน่นอน ซึ่งตนเองพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับบรรดาผู้ประกอบการทุกราย ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการรายใดที่เกิดความเครียดหรือไม่เข้าใจอะไรก็สามารถที่จะเข้ามาพูดคุยหรือสอบถามแนวทางในการดำเนินการได้ตลอดเวลา