เรื่องราวของ น.ส.มนทินี จันทะแจ่ม อายุ 25 ปี เธอออกมาโพสต์คลิปในเฟซบุ๊กชื่อว่า “ผมสั้น อิ้นดี้ ตั้งโอ๋” แชร์คลิปในโลกโซเชียล ความยาว 6.31 นาที ไม่พอใจการปฏิบัติงานของตำรวจ ที่ตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรบริเวณใต้สะพานลอยคนข้าม หน้าโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา ริมถนนมิตรภาพ หนองคาย มีผู้ชมมากกว่า 2 ล้านครั้ง และยอดแชร์กว่า 30,244 ครั้ง และแสดงความเห็นกล่าวโจมตีตำรวจและให้กำลังใจ น.ส.มนทินี เนื่องจากถูกตั้งข้อกล่าวหาไม่มีพกพาใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์และถูกยึดรถยามาฮ่า ทีทีเอ็กซ์ สีส้ม โดยใช้คำพูดระหว่างเดินไปกดตู้เอทีเอ็ม ว่า
“ตำรวจโคราชบางส่วน คือมันสิ้นเดือนไง หากินบนหลังคนนี่ถนัดจริงๆเลย ตำรวจไทยเนี่ย” , “ตำรวจควรเห็นใจประชาชน” , “ค่าปรับไม่มีใบขับขี่ 200 บาท เงินแค่นี้ มึงให้กูไปเสียค่าปรับที่โรงพัก ก็ได้ป่ะ กูขอระบายหน่อยเถอะ คือแบบเดินมาไกลมาก เพื่อที่จะหาตู้กดเงิน แล้วก็ไม่ให้เอารถเรามา ทั้งๆ ที่เป็นรถของเรา อะไรเนี่ย งี่เง่ามากเลย ขอให้ครอบครัวมึงเจริญ มีกิน มีใช้ทั้งปีก็แล้วกัน หากินได้ง่ายมาก สิ้นเดือนมาต้องทำยอดให้นายไง ไม่ได้กล่าวหานะคะ แต่คุณไม่เห็นใจประชาชน คุณมันบ้าค่ะ ตำรวจไทย คุณเก่งแต่เรื่องแบบนี้ แต่เรื่องที่จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองคุณไม่ทำ” สารพัดจะด่าจบที่ “เออ แม่นอยู่ มันหาเงินให้เมียน้อยมัน”
ทางด้าน พ.ต.อ.ปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา ตรวจสอบคลิปเหตุการณ์เกิดขึ้น บ่ายของวันที่ 1 มิถุนายน การกล่าวหาทำไมไม่ออกใบสั่งให้ไม่เป็นความจริง ผลการกวดขันวินัยจราจร พบการกระทำผิดกฎหมายจราจรทางบก จึงออกใบสั่งจำนวน 47 ราย แยกเป็นเรียกเก็บใบขับขี่ 24 ราย ,อายัดทะเบียน 23 ราย และว่าตักเตือนให้ปรับพฤติกรรม 26 ราย ดังนั้นจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะปฏิเสธการออกใบสั่งให้ สรุปว่าการพูดอ้างระบายความในใจได้ส่งผลกระทบด้านลบทั้งชื่อเสียงและความเชื่อมั่น ซึ่งจะต้องดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพื่อป้องกันพฤติกรรมลอกเลียนแบบและกอบกู้ศักดิ์ศรี ในระหว่างที่รวบรวมพยานหลักฐาน แต่หากพูดคุยกันด้วยความชื่นมื่น ไม่จำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดี อาจเป็นเพียงปรับทัศนคติ สร้างความเข้าใจให้ถูกต้อง
ต่อมาวันที่ 4 มิ.ย. น.ส.มนทิรี หรือเฟซบุ๊ก “ผมสั้น อิ้นดี้ ตั้งโอ๋” โพสต์ข้อความว่า
“ขอขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่ให้คำตอบและขอโทษทุกๆ ฝ่าย ที่ใช้คำพูดแบบขาดสติ โอ๋กระจ่างแจ้งแล้วต้องออกมาขอโทษด้วย ที่ใช้คำพูดที่ไม่ดี เกิดโมโห ขาดสติ ใช้คำหยาบ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีใช้อารมณ์ รวมทั้งพูดคำหยาบ อาจทำให้เยาวชนเลียนแบบได้ ฝากเตือน ไม่อยากให้นำพฤติกรรมเป็นตัวอย่าง เป็นอุทาหรณ์สอนใจด้วย”
แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น เพราะหลังจากเธอออกมาโพสต์ มีการขุดคุ้ยว่า เฟซบุ๊กของเธอขายกระเป๋าแบรด์เนมทั้งชาแนล , ดิออ , หลุยส์วิตตอง และอีกมากมาย เมื่อทีมข่าวไบรท์นิวส์สอบถาม น.ส.มนทินี เธอก็ยอมรับว่าขายจริง แต่เอายี่ห้อมาเป็นแบ็คกราวน์เท่านั้น และเธอเองเป็นนายหน้าขายและสั่งออเดอร์ โดยยืนยันว่าเป็นกระเป๋าที่ไม่มียี่ห้อเลียนแบบคล้ายๆๆ เท่านั้น ส่วนหาเจอกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์ก็พร้อมยอมรับเพราะไม่รู้จะสู้อย่างไร แต่ตอนนี้ยังไม่หยุดที่จะขายสินค้าออนไลน์