ปธ.กก.พัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ อ.เชียงของ หอการค้า จ.เชียงราย ชี้การระเบิดแก่งหินในแม่น้ำโขงอาจกระทบในวงกว้างทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เผยอยากให้ภาครัฐพัฒนาสิ่งที่มีอยู่แล้ว
หลังจากที่ได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักอนุรักษ์ในการคัดค้านการระเบิดเกาะแก่งหินในแม่น้ำโขง เพื่อเปิดทางให้เรือเดินสินค้าขนาดใหญ่จากจีนสามารถผ่านไปได้ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งทางฝ่ายนักอนุรักษ์ได้เป็นห่วงถึงผลกระทบต่อทรัพยากรณ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงวิถีชีวิตของชุมชน 2 ฝั่งแม่น้ำโขงที่อาจะเปลี่ยนไป ทำให้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อแสดงจุดยืน ซึ่งนอกจากกลุ่มนักอนุรักษ์แล้ว ทางภาคเอกชนในพื้นที่เองก็ได้กังวลเกี่ยวกับผลกระทบอื่น ๆ ที่จะตามมาด้วย
นายธนิสร กระฏุมพร ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ อ.เชียงของ หอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า หากการระเบิดแก่งหินในแม่น้ำโขงเกิดขึ้นจริง ไม่เพียงแต่จะเกิดขึ้นกับธรรมชาติเท่านั้น ผลกระทบอย่างแรกที่จะเกิดขึ้น คือ กระแสน้ำที่แรงขึ้นส่งผลทำให้ตลิ่งของ 2 ฝั่งแม่น้ำโขงถูกทำลายไป ความสวยงามของแม่น้ำโขงก็จะหายไปด้วย แม่น้ำโขงเปรียบเสมือนกับดอกไม้ที่มีกิ่ง ก้าน ใบ และดอก เมื่อมารวมกันก็จะกลายเป็นดอกไม้ แม่น้ำโขงก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีหิน แก่ง หาดทราย พันธุ์ปลา ก็ไม่ใช่แม่น้ำโขง จะกลายเป็นคลองหรือทะเลสาบทั่วไป ซึ่งหากมีการระเบิดแก่งหินจริง รัฐบาลจะต้องเสียงบประมาณไปกับการซ่อมแซมตลิ่งเป็นระยะทางยาวและมีมูลค่าสูง นอกจากนี้ ความสวยงามของแม่น้ำโขงก็จะหายไป การท่องเที่ยวแม่น้ำโขงที่เป็นรายได้หลักของชาว อ.เชียงของ ก็จะหายไปเช่นกัน
นายธนิสร ยังกล่าวเพิ่มเติม ว่า ในอดีตเรามีหาดทรายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้มาเล่นสาดน้ำกันริมแม่น้ำโขง มีเทศกาลจับปลาบึก และประเพณีต่าง ๆ เกี่ยวกับแม่น้ำโขงที่เป็นเอกลักษณ์ของ อ.เชียงของ แต่หากระเบิดแก่งหินออกไป สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะหายไปด้วย การเป็นเมืองท่องเที่ยวของ อ.เชียงของ ก็จะหายไป
โดยส่วนตัวอยากให้ทางภาครัฐพัฒนาสิ่งที่มีอยู่แล้วกว่า เช่น การขนส่งในเส้นทาง R3A ที่มีอยู่แล้วยังไม่สามารถพัฒนาให้สามารถดำเนินการได้เต็มที่ อีกอย่างหนึ่ง คือ การขนส่งทางรถไฟซึ่งอาจจะพัฒนาเป็นรถไฟรางคู่เพื่อขนส่งสินค้าทางนี้ ซึ่งการพัฒาสิ่งที่มีอยู่แล้วจะเป็นผลดีมากกว่า เพราะไม่ลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาล และยังไม่ทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางธรรมชาติ วิถีชีวิต และเศรษฐกิจของ อ.เชียงของ