คสช. เผย 5 วัน ยึดรถกว่า 6 พันคัน สูงกว่าสงการนต์ปี 59 พร้อมย้ำจะดูแลและส่งประชาชนกลับจนสภาพการสัญจรกลับสู่ภาวะปกติ
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการสัญจรในขณะนี้พบว่ายังมีความคับคั่ง เนื่องจากประชาชนเดินทางกลับจากเทศกาลและท่องเที่ยว โดยเจ้าหน้าที่ทุกส่วนยังคงร่วมให้การดูแลในทุกเส้นทาง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนเช่นเดิม ส่วนใหญ่เป็นการอำนวยการจราจร เปิดช่องทางพิเศษในการสัญจรเฉพาะพื้นที่ที่เป็นปมการคมนาคมสำคัญ การซ่อมแซมและตรวจสอบสภาพรถ การปฐมพยาบาล เป็นต้น โดยจะดูแลและส่งประชาชนกลับจนสภาพการสัญจรกลับสู่ภาวะปกติ
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า สำหรับสถิติการตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับขี่ในวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ในส่วน รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 85,009 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถไว้ 1,013คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 45,929 คนสำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 57,719 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบอนุญาตขับขี่ไว้ 581 ใบ ยึดรถยนต์319คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 29,304 คนพ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า โดยตลอด 5 วันที่ผ่านมา (12-16เมษายน 2569) เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำความผิด ในส่วนรถจักรยานยนต์ 325,013 ครั้ง รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ 274,309ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้แล้ว 6,544คัน (แยกเป็นจักรยานยนต์ 4,982คันและรถยนต์ 1,562คัน ) และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รถจักรยานยนต์ 210,513 คน รถโดยสารสาธารณะ/ รถยนต์ส่วนบุคล 166,145 คน
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การสร้างความปลอดภัยในการสัญจรและป้องกันอุบัติเหตุตามมาตรการที่ภาครัฐได้นำมาใช้นั้นแม้ว่าในช่วงต้นของการประกาศมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยการจราจร ประชาชนจะมีความกังวลในการปฏิบัติตาม แต่ช่วง 6 วันที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนได้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ และให้ความร่วมมือตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ในการคาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน๊อก ไม่บรรทุกเกิน
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า ส่วนมาตราการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ”นั้น ด้วยจำนวนผู้ใช้เส้นทางและปริมาณรถที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถิติการยึดรถสูงกว่าเทศกาลสงกรานต์ปี 2559 รวมทั้งอาจประเมินเบื้องต้นได้ว่า ยังมีผู้ขับขี่รถจำนวนหนึ่งที่เชื่อมั่นในตนเองเกินไป โดยไม่ตระหนักและคำนึงถึงความเสียหายของการดื่มสุราแล้วขับขี่รถ ซึ่งสถิติการยึดรถและข้อมูลพฤติกรรมของผู้ขับขี่ดังกล่าว คสช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำไปพิจารณาปรับการดำเนินตามมาตรการสร้างความปลอดภัยการสัญจร และมาตรการดื่มไม่ขับจับยึดรถต่อไป