ผู้เสียหาย เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดโรงพยาบาลบางนา 1 หลังปฏิเสธการรักษา ทำให้ทารกในครรภ์อายุ 7 เดือนเสียชีวิต ขณะที่ผู้บริหารโรงพยาบาลบางนา 1 พร้อมชี้แจ้งข้อมูลหลักฐาน ยืนยันทารกในครรภ์ มีความผิดปกติ เสียชีวิตก่อนกำหนดคลอด
ผู้เสียหายเดินทางเข้าพบและแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล บางนา เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับโรงพยาบาลบางนา 1 ที่ปฏิเสธการรักษาตามสิทธิบัตรทอง 30 บาทจนทำให้ต้องย้ายโรงพยาบาลถึง 3โรงพยาบาล แต่สุดท้ายบุตรในครรภ์ อายุ 7 เดือนของภรรยา ต้องเสียชีวิต
นายจิรทีปต์ อินทโชติ เปิดเผยกับทีมข่าว ว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ภรรยามีอาการปวดท้อง ตนจึงตัดสินใจนำตัวส่งเข้าตรวจสอบอาการ ที่โรงพยาบาลบางนา 1 เนื่องจากมีสิทธิการรักษา 30 บาทรักษาทุกโรคที่โรงพยาบาลแห่งนี้
แต่เมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาลปฏิเสธการรักษา และให้เหตุผลว่าเครื่องมือทางการแพทย์ไม่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าโการผ่าคลอดนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงย้ายมาโรงพยาบาลรัฐบาลขนาดใหญ่ย่านรามอินทราอีก1ครั้ง ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงทีมแพทย์ทำการตรวจสอบ ระบุว่าปากมดลูกเปิดเพียงแค่ 2 เซ็นติเมตร ค่าใช้จ่ายการผ่าคลอดค่อนข้างที่จะสูง ให้พาภรรยากลับไปยัง รพ.บางนา1 เพราะการดำเนินการตามสิทธิจะไม่มีค่าใช้จ่าย
ท้ายที่สุดผู้เสียหายได้นำตัวภรรยากลับมารักษาที รพ.บางนา 1 โดยครั้งนี้ ทีมแพทย์รับตัวภรรยาไว้ดูอาการตั้งแต่วันที่ 10 และรอจนกระทั่งวันที่ 12 ถึงจะทำการผ่าคลอดให้ แต่การรักษา มีความล่าช้าส่งผลให้บุตรในครรภ์ของภรรยาต้องเสียชีวิต
ด้านข้อมูลทางโรงพยาบาลบางนา 1 นพ.ชุตินัน พรมมินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางนา 1 เป็นผู้รับเคสและลงมือผ่าตัดด้วยตนเอง เล่าให้ทีมข่าวฟังถึงเรื่องราววันที่ 10 กรกฎาคมที่เกิดขึ้น ว่า เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ผู้เสียหายเข้ามาที่โรงพยาบาลด้วยอาการมีมูกเลือดที่ช่องคลอด ซึ่งผู้เสียหายตั้งครรภ์ได้เพียงแค่ 30 สัปดาห์เท่านั้น แต่กำหนดคลอดคือ 37 สัปดาห์ แต่ผู้เสียหายครรภ์ก่อนกำหนด ทำให้ทางโรงพยาบาลแนะนำให้ไปรักษาที่ รพ.รัฐ ที่มีห้องห้องอภิบาลทารกแรกเกิด เพราะที่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่มีห้องดังกล่าวเพื่อรักษาเด็กครรภ์ก่อนกำหนด
รวมถึงชี้แจงกรณีที่ผู้เสียหายกล่าวว่าทาง รพ. ไม่มีรถพยาบาลไปส่ง และไม่ทำเรื่องส่งตัวให้แต่อย่างใด ซึ่งแพทย์ทางห้องสูตินารียืนยันว่า วันที่เกิดเหตุตนได้ถามแล้วว่าให้ขึ้นรถของโรงพยาบาลไปไหม แต่ทางผู้เสียหายยืนยันว่าจะเดินทางไป รพ. อื่นเอง
จนกระทั่งผู้เสียหายวกกลับเข้ามาที่ รพ. อีกครั้งในเวลาตี 1 เพื่อขอการรักษา ทางโรงพยาบาลจึงได้ทำการห้ามเลือดและรักษา และให้นอนพักฟื้นเพื่อให้เกล็ดเลือด
จนกระทั่งเวลา 04.00 น. ของวันที่ 12 คนไข้มีอาการเกล็ดเลือดต่ำ และมีการตกเลือด เกิดภาวะรกรอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตของแม่และเด็กที่อยู่ในครรภ์ ทางทีมแพทย์จึงรีบทำการรักษาอย่างเร่งด่วน
ทางทีมแพทย์ได้เรียกสามีและผู้เสียหายเข้ามาคุยถึงอาการที่เกิดขึ้น และแจ้งไปแล้วว่า เด็กที่อยู่ในครรภ์อาจจะเสียชีวิต ทางสามีและผู้เสียหายก็รับทราบและยืนยันว่าถึงอย่างไรก็แล้วแต่ จะต้องรักษาชีวิตของผู้เสียหายไว้ก่อน จากนั้นเมื่อเวลา 12.00 น ทางทีมแพทย์ได้ทำการผ่าคลอด และทราบว่าเด็กได้เสียชีวิตแล้ว จากสภาวะแทรกซ้อนฉับพลัน แต่เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นแน่นอน
หลังจากนี้ทางทีมแพทย์จะต้องชี้แจงรายละเอียดให้ญาติผู้เสียหายทราบ ว่าที่เด็กที่เสียชีวิตนั้นไม่ใช่ความผิดของ รพ. แต่อย่างใด ซึ่งทางโรงพยาบาลบริสุทธิ์ใจพร้อมที่จะชี้แจงทุกกรณีที่มีข้อสงสัย สำหรับการดูแลรักษาพยาบาลภรรยาของ นายจิรทีปต์ เบื้องต้นทางโรงพยาบาลใช้สิทธิ์ในการรักษาพยาบาล ซึ่งอาการทั่วไปในขณะนี้ปลอดภัยและอยู่ในช่วงพักฟื้น