รมว.กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสถานการณ์พืชผลการเกษตรของไทย โดยย้ำว่าจะไม่ทอดทิ้งเกษตรกร และทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลเกษตรกร โดยเฉพาะสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรของไทย ที่จะใช้นโยบายการตลาดนำการผลิต เพื่อให้เกษตรกรนำไปเป็นข้อมูลการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดต่อไป
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ “สถานการณ์พืชผลการเกษตรของไทย” ที่จัดโดยสมาคมการค้าพืชไร่ว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนในการดูแลราคาสินค้าเกษตรสำคัญของประเทศทั้งข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และสินค้าเกษตรอื่น ๆ เป็นรายชนิด
โดยได้มีการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าทุกรายการ และวางแผนช่วยเหลือเป็นการล่วงหน้า โดยเฉพาะการช่วยเหลือด้านการตลาดที่จะนำนโยบายการตลาดนำการผลิตมาใช้ ด้วยการส่งเสริมและผลักดันให้เกษตรกรเพาะปลูกตามที่ตลาดต้องการ และกระทรวงพาณิชย์จะช่วยหาตลาดรองรับให้ ทั้งการจำหน่ายภายในและส่งออกต่างประเทศ รวมถึงการจำหน่ายผ่านช่องทางการค้าออนไลน์
ทั้งนี้ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ราคาข้าวปัจจุบัน ระบุว่า ราคายังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการที่ประเทศผู้นำเข้าข้าวสำคัญ เช่น แอฟริกา จีน ยังมีความต้องการซื้อข้าวเพิ่ม และไทยชนะการประมูลขายข้าวให้กับหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ทำให้มีความต้องการข้าวเพื่อส่งมอบ ทั้งในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และรัฐต่อเอกชน (จีทูพี) และไทยยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงราคาซื้อขายข้าวจีทูจีกับจีน 1 แสนตันที่ 6 รวมทั้งติดตามและเจรจาให้จีนซื้อข้าวจีทูจีสัญญา 1 ล้านตันที่ 2 ซึ่งหากสำเร็จ ก็จะทำให้มีตลาดรองรับผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน เพิ่มจากเป้าเดิมที่กำหนดไว้ที่ 9.5 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม จากการที่ข้าวเปลือกหอมมะลิมีราคาสูงขึ้น โดยปัจจุบันราคาส่งออกอยู่ที่ตันละ 1,295 เหรียญสหรัฐ และราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 18,800 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ตันละ 11,200 บาท โดยเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีความกังวลว่าเกษตรกรจะหันมาเพาะปลูกกันมากขึ้น และเมื่อผลผลิตออกมามาก ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาได้ จึงขอให้เกษตรกรเพาะปลูกเท่าเดิม และเน้นการควบคุมคุณภาพให้ดี รวมทั้งหันไปเพาะปลูกข้าวที่มีศักยภาพและตลาดต้องการสูง โดยเฉพาะข้าวพื้นนุ่น เช่น ข้าวกข21 กข59 เพื่อชิงตลาดจากเวียดนาม และข้าว กข43 ที่มีโอกาสทางการตลาดสูงมาก
สำหรับการเดินทางมาครั้งนี้ของ นายสนธิรัตน์ ได้บอกกับเกษตรกร ว่า ทางกระทรวงพาณิชย์จะไม่ทอดทิ้งเกษตรกร และจะทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลเกษตรกร โดยท่านยังได้ชี้แจงถึงสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรของไทย ทั้งด้านความต้องการใช้ กำลังการผลิต การตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้นโยบายการตลาดนำการผลิตเพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้เป็นข้อมูลการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาด