7 ก.พ.60 ที่สถานที่ตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ พล.ต.ต.ทัตธงสักก์ ภู่พันธัชสีห์ ผบก.ภ.จว.สตูล พร้อมด้วย กำนันตำบลปูยู และผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันสอบปากคำแรงานต่างด้าว จำนวน 12 คน หลังควบคุมตัวมาจากเกาะร้าง
ในเบื้องต้นทราบว่าแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าอายุไม่เกิน 30 ปี จำนวน 12 คน มาจากเกาะขมิ้น (ซึ่งเป็นเกาะร้างไม่มีคนอาศัยอยู่มีเพียงสวนยางพารา) พื้นที่ ม.1 ต.ปูยู อ.เมืองสตูล จ.สตูล ห่างจากประเทศมาเลเซียเพียง 3 กิโลเมตร ซึ่งจากการสอบถามพบว่าแรงงานทั้งหมดเป็นแรงงานสัญชาติพม่าเดินทางมาทำงานในประเทศมาเลเซีย คนละไม่น้อยกว่า 1 ปี บางคนมาทำงานอยู่ 3 ปีเดินทางมาโดยเครื่องบิน จากที่ทำงานอยู่นานนับปีไม่ได้กลับบ้าน ทำให้หนังสือเดินทางหมดอายุ ประกอบกับทางการมาเลเซียได้เข้มงวดกดดันกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมาย จนได้รวมตัวกันเพื่อจะเดินทางกลับมาทางช่องทางรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย ผ่าน ต.เกาะปูยู อ.เมืองสตูล ผ่านนายหน้าชาวมาเลเซียที่กล่าวอ้างว่า รับจ้างไปส่งแรงงานทั้งหมดนี้กลับประเทศพม่า โดยนายหน้ารับจ้างชาวมาเลเซียบอกเพียงว่าแค่จ่ายเงินคนละ 11,000 บาท จะพาไปส่งที่บ้านเกิดประเทศพม่าในทันที หลังรวมตัวกันได้ของแรงงานที่ถูกกดดันจากทางการมาเลเซียที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้ตัดสินใจลงเรือหางยาวจากรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย ในเวลา 03.00 น. เมื่อเรือมุ่งหน้ามาถึงเกาะฝั่ง จ.สตูล ในเวลา 06.00 น. คนขับเรือบังคับให้ทุกคนลงเรือและบอกว่าจะมีรถมารับอีกทอดหนึ่ง ซึ่งทุกคนก็งงแต่ก็ยอมลงจากเรือ โดยระหว่างนั้นเป็นช่วงน้ำลงทุกคนต้องลงลุยโคลนลึกถึงยอดอก เพื่อขึ้นเกาะขมิ้นในฝั่ง จ.สตูล จนมีชาวบ้านมาเจอและแจ้งข่าวในที่สุด
พล.ต.ต.ทัตธงสักก์ ภู่พันธัชสีห์ ผบก.ภ.จว.สตูล รีบเดินทางมาสอบสวนเบื้องต้นหลังทราบข่าวการทะลักเข้ามาของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หลังทราบข่าวการถูกหลอกมาลอยแพ ได้ควักเงินส่วนตัวจำนวน 1,000 บาท ให้ลูกน้องไปซื้ออาหารให้แรงงานต่างด้าวทั้ง 12 กินในทันทีหลังพบว่าทุกคนยังไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ตนเองได้ทราบเรื่องแล้วยอมรับว่าโหดเกินไปสำหรับการเรียกค่าหัวคนละ 11,000 บาท ในการเดินทางไปส่งแรงงานต่างด้าวกลับประเทศพม่าแต่กลับมาลอยแพไว้ที่ไทย ซึ่งเรื่องนี้จะมีการสอบปากคำว่ามีคนไทยเข้าไปเอี่ยวด้วยหรือไม่ โดยแรงงานต่างด้าวทั้งหมดนี้จะมีการสอบปากคำเพื่อลงบันทึกไว้ ก่อนจะส่งให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสตูลว่าจะผลักดันกลับประเทศบ้านเกิดอีกครั้งอย่างไร และหลังจากนี้จะมีการเข้มงวดเฝ้าระวังช่องทางชายแดนทางทะเลให้มากขึ้น โดยขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน.ชาวบ้านร่วมเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแส ส่วนคดีค้ามนุษย์ค้างเก่า 5 คนที่มีหมายจับก็ยังคงติดตามอย่างต่อเนื่อง