กรณีโลกออนไลน์พากันเข้าไปแสดงความเสียใจและให้กำลังใจหนุ่มรายหนึ่ง หลังต้องสูญเสียภรรยาพร้อมกับลูกน้อยในครรภ์ หลังไปทำคลอดที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งย่านบางรัก ล่าสุดทีมข่าวได้สอบถามไปยังสามีผู้ตาย ระบุว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงพร้อมอ้างโรงพยาบาลให้นอนรอคลอด 2 คืน เป็นเหตุให้ลูกและภรรยาเสียชีวิต ระบุหาไม่ได้รับความเป็นธรรมจะไม่ยอมเผาศพ
จากกรณีที่โลกออนไลน์พากันเข้าไปแสดงความเสียใจ และให้กำลังใจชายหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องสูญเสียภรรยา พร้อมกับลูกน้อยในครรภ์ไปพร้อมกัน โดยหนุ่มคนดังกล่าวระบุว่า ภรรยาของเขาใกล้ครบกำหนดคลอดจึงพาไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ และแพทย์ให้นอนรอดูอาการเป็นเวลา 2 คืน จนภรรยาและลูกน้อยในครรภ์เสียชีวิตทั้งคู่ โดยแพทย์ก็ชี้แจงอธิบายสาเหตุของการเสียชีวิตไม่ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดวังรางใหญ่ ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา พบกับ นายณรงค์ชัย นุชเจริญ อายุ 36 ปี สามีของภรรยาผู้เสียชีวิต อายุ 28 ปีซึ่ง นายณรงค์ชัย เปิดเผยว่า ตนและภรรยาอยู่กินกันมา 10 ปี มีลูกสาวคนโต 1 คน อายุ 12 ปี ขณะที่ภรรยาตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 จนกระทั่งใกล้คลอด เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ตนจึงเดินทางไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลตามปกติ ซึ่งหลังตรวจแล้วเดินทางกลับไปบ้านก็มีเลือดไหลออกจากช่องคลอดมาจำนวนมาก ซึ่งสอบถามภรรยาแล้วภรรยาบอกว่าแพทย์ได้ล้วงเข้าไปข้างในช่องคลอด 2 รอบ พอเช้าวันที่ 13 ส.ค. ตนจึงรีบพาภรรยาไปพบแพทย์ และเจ้าหน้าที่ได้ให้ตนเซ็นต์เอกสาร 3 ใบ จากนั้นแพทย์ก็ให้ภรรยานอนพักรอดูอาการอีก 2 คืน
จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา แพทย์ได้แจ้งว่าลูกของตนเสียชีวิตแล้ว และไม่ถึง 10 นาที ต่อมาก็แจ้งว่าภรรยาเสียชีวิตลงด้วยอีกคน โดยตนแพทย์ได้สอบถามตนว่าจะให้ปั้มหัวใจอีกไหม เพราะว่าแพทย์ได้ปั้มหัวใจมานาน 1 ชั่วโมงแล้ว ทำให้ตนรู้สึกงง และสงสัยถึงสาเหตุการตายของลูกน้อยในครรภ์ และภรรยาของตน ซึ่งหลังเกิดเหตุแพทย์ก็ยังไม่อธิบายชี้แจงถึงสาเหตุการเสียชีวิตของภรรยา และลูกน้อยของตนให้ตนเข้าใจอย่างละเอียด
ซึ่งขณะนี้ตนได้นำศพภรรยา และลูกน้อยไปตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดวังรางใหญ่ ต.มะเกลือเก่า อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา โดยให้ภรรยากับลูกน้อยนอนในโลงเย็นด้วยกัน และยังไม่มีกำหนดฌาปนกิจศพแต่อย่างใด จนกว่าตนจะทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดของภรรยาและลูกน้อย ล่าสุด มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้โทรศัพท์มากล่าวแสดงความเสียใจ พร้อมกับขอนัดเจรจากับตนในวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) เวลา 14.00 น. แต่ตนคงจะยังไม่เดินทางไปเจรจา เพราะคงต้องขอหารือกับครอบครัวอีกครั้ง
นางไพรวัลย์ นึบสูงเนิน อายุ 50 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนเองเป็นหนึ่งในจำนวนลูกทั้ง 2 คนโดยลูกสาวผู้เสียชีวิตเป็นความหวังของครอบครัว ซึ่งเมื่อลูกสาวคนนี้เสียชีวิตลงก็ทิ้งลูกสาววัย 12 ปีให้ตนเองเลี้ยง ซึ่งอยากให้ทางโรงพยาบาลได้ชี้แจง และแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน นพ.สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผอ.โรงพยาบาลเลิดสิน เปิดเผยผ่าน “เดลินิวส์ออนไลน์” ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า คนไข้ตั้งครรภ์เป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยครั้งสุดท้ายที่คนไข้เข้ามาตรวจครรภ์ เป็นช่วงครรภ์ใกล้คลอดแล้ว แพทย์จึงได้ตรวจเช็คความพร้อมของปากมดลูกตามปกติ แต่ปากมดลูกยังไม่เปิด จึงได้อนุญาติให้กลับได้ ในวันรุ่งขึ้นคนไข้มาด้วยอาการเมือกไหลออกมาทางช่องคลอด แต่ปากมดลูกยังไม่เปิด ซึ่งแพทย์ก็ได้เฝ้าดูอาการอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้หัวใจเด็กก็ยังคงเต้นปกติดีตลอดเวลา กระทั่งช่วงประมาณ 10 นาที ขณะคลอดมดลูกเคลื่อนไปมาและบีบตัว ซึ่งเป็นข้อจำกัดของเครื่องตรวจวัดอัตราการเต้นหัวใจ ทำให้ไม่ทราบอัตราการเต้นหัวใจของทารก เมื่อคลอดออกมาปรากฏว่า มีภาวะ “รกลอกก่อนกำหนด” ขั้นรุนแรง เพราะเป็นส่วนที่หล่อเลี้ยงทารกให้เจริญเติบโตในครรภ์ เด็กจึงขาดเลือดแต่ชีพจรยังเต้นและไม่หายใจแล้ว ในขณะที่แม่ก็เสียเลือดมาก จึงมีแพทย์ 2 ทีมรีบทำการช่วยเหลือ แต่ท้ายที่สุดแล้วแม่ก็เสียชีวิต
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพข่าวบางส่วนจาก เดลินิวส์ออนไลน์ , เฟซบุ๊ก Hwanza Same Person