นางสาวสงกรานต์ แสนทวีสุข อายุ35ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ได้ปวดท้องอย่างรุนแรงมากจนต้องส่งตัวเข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากนั้นหมอสันนิษฐานว่าเป็นนิ่วถุงน้ำดี 2ก้อน ก่อนจะตัดสินใจใช้สิทธิประกันสังคมผ่าตัด ช่วงต้นเดือนเมษายน ใช้เวลาผ่าตัดรวม8ชั่วโมง จนนายสายัณ จันทร์โพธิ์ อายุ40 ปี สามีเกิดความกระวนกระวายใจ ว่าทำไมถึงผ่าตัดนานขนาดนี้ จนไปสอบถามหมอได้ความว่าตนเสียเลือดมากจากการผ่าตัดจึงต้องใช้เวลานาน ก่อนจะถูกนำตัวไปพักฟื้นในห้องไอซียู ซึ่งตอนฟักฟื้นยังมีอาการเจ็บปวดทรมานปวดท้องร้าวไปถึงแผ่นหลัง นอนหงายราบไม่ได้เลย จนท้องอืดบวมขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมอบอกว่าให้ลุกเดินบ้าง อาหารจะได้ย่อย ก็ทำตามที่หมอแนะนำแล้วก็ยังมีอาการปวดเหมือนเดิม จนวันสุดท้ายที่จะออกจากโรงพยาบาลอาการก็ค่อยๆดีขึ้นมาบ้าง
จากนั้นก็มี ผอ.รพ. มาถามว่าตอนเด็กๆเคยผ่าตัดมาก่อนหรือเปล่า รู้ไหมไตคุณเหลือข้างเดียวนะ ไตคุณฝ่อ หมอได้ทำการผ่าตัดออกให้แล้วนะ ตนได้ยินเข้าก็ตกใจแล้วอย่างนี้ร่างกายจะเป็นปกติไหม ซึ่งหมอก็ยืนยันว่าร่างกายทำงานได้ปกติ แต่ตนก็ยังไม่เข้าใจว่าเป็นถุงน้ำดีทำไมต้องตัดไตออกไปด้วย และสิ่งที่หมอกล่าวอ้างมา ถ้าจะต้องผ่าตัดไตออกทำไมไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนล่ะ จากนั้นตนก็เลยสอบถามตามเรื่องขอดูไตของตนที่ตัดทิ้งไปหน่อย ซึ่งทาง รพ.อ้างว่าไตถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆแล้วให้ดูไม่ได้ ตนก็เลยย้ำว่านั้นไตของตนนะและทำไมจะดูไม่ได้ ซึ่งทุกครั้งที่ถามไปทาง รพ.ก็จะบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่องตลอด จนสุดท้ายหมอเจ้าของไข้ก็ออกมายอมรับผิดว่า ตัดไตผิด นึกว่าเป็นถุงน้ำดี เอ้า !! ตนได้ยินถึงกับช็อคตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกเลย ก่อนจะตั้งสติและถามหาความรับผิดชอบการเยียวยา แต่กลับถูกปฏิเสธแบบไม่ใยดี เลยอยากออกมาร้องขอความเป็นธรรม
สำหรับ อาการท้องอืดบวมที่เป็นหลังจากผ่าตัดเพราะ แผลจากการผ่าตัดเย็บไม่สนิทเป็นรูกว้างและชิ้นส่วนของไตข้างขวาค้างในช่องท้องและมีปัสสาวะด้วยก่อนจะเข้าทำการรักษาตัวอีกครั้งที่ รพ.รามา ซึ่งหากช้ากว่านั้นน้ำอาจท่วมปอดจนเสียชีวิตได้ รวมทั้งสิ้นในการเย็บแผลตั้งแต่ผ่าตัดตั้งแต่แรกรวมทั้งหมด49เข็ม