“บิ๊กเจี๊ยบ” พอใจ 2 ปี ทดสอบสมรรถภาพกำลังพล แข็งแกร่ง-ตื่นตัว ชี้ ถึงจุดอิ่มตัว ส่งไม้ต่อ ผบ.ทบ.ใหม่ ปรับวิธี ด้าน “หมอภาคย์” เผยเคล็ดลับร่างกายฟิตแอนด์เฟิร์ม ทดสอบร่างกายผ่านเกณฑ์ 100 % ชวน “ยิ้มเห็นฟัน” ส่งความสุขให้คนอื่นๆ ปลุกพลังบวกให้ตัวเอง ยับยั้งความโกรธ
เช้าวันนี้ (3 ส.ค.61 เวลา 06.30 น.) ที่สนามกีฬากรมยุทธ์ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท หรือ “บิ๊กเจี๊ยบ” ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางเข้าเยี่ยมชมการทดสอบสมรรถภาพร่างกายระดับ ผู้บังคับหน่วยระดับกองพัน ประจำปี 2561 โดยมีผู้บังคับกองพันจากทั่วประเทศ ที่เข้ารับการทดสอบร่างกาย และการทดสอบภาษาอังกฤษ จำนวน 325 นาย เข้าร่วมการทดสอบ ทั้งนี้มีผู้บังคับกองพัน ของแต่ละหน่วยได้เดินมาดูความเรียบร้อยในการทดสอบของกำลังพลของตนเอง อาทิ พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1
สำหรับการทดสอบแบ่งออกเป็นสถานีประกอบด้วย สถานีดันพื้น 2 นาที สถานีลุกนั่ง 2 นาที และวิ่ง 2 กิโลเมตร ซึ่งทั้งหมดต้องผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ 50 ขึ้นไป โดยแบ่งตามช่วงอายุ ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน “นโยบายสมาร์ทแมน” ของผู้บัญชาการทหารบก เพื่อให้กำลังพลมีสุขภาพที่แข็งแรงพร้อมปฎิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายรวมทั้งเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ตรงตามทหารยุคไทยแลนด์ 4.0 โดยเฉพาะการทดสอบในระดับผู้บังคับกองพัน จากสถิติ 3 ครั้งที่ผ่านมา ถือว่ามีมาตรฐานดีขึ้น พร้อมตื่นตัวในการดูแลสุขภาพ โดย พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ “หมอภาคย์” ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 กองทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ในลำดับที่ 259 หมายเลย 316 ทดสอบสถานีดันพื้นได้ 80 ครั้ง สถานีลุกนั่ง 78 ครั้ง ซึ่งเกณฑ์ผ่าน 100 เปอร์เซ็นต์
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า วันนี้เป็นการทดสอบร่างกายของหน่วยระดับกองพัน ถือเป็นครั้งที่ 2 ของปีงบประมาณ 2561 ทั้งนี้ 2 ปีที่ตนเป็น ผบ.ทบ. มีการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย จำนวน 4 ครั้ง ผลคะแนนดีขึ้นมาก กำลังพลรักการออกกำลังกาย และสุขภาพดีขึ้นมาก โดยเฉพาะเรื่องความแข็งแกร่งทางด้านร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการทดสอบภาษาอังกฤษผู้บังคับกองพัน
ดู…..“หมอภาคย์” Sit-up รัวๆ พันโทนายแพทย์ ภาคย์ โลหารชุน ผบ.พันเสนารักษ์ ที่3 ยังเป็นหมอ ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ทดสอบร่างกายผู้บังคับกองพัน และผู้การกรม 325 นายทั่วประเทศ วิดพื้น 80 ครั้ง ใน 2 นาที ได้เกณฑ์ ซิทอัพ ลุกนั่ง78 ครั้ง ผ่าน100 เปอร์เซ็นต์….หมอภาคย์ ออกตัวเพิ่งกลับมาออกกำลังกาย เพียง5 วัน ก่อนมาทดสอบ หลังเสร็จภารกิจถ้ำหลวงและ ภารกิจต่อเนื่อง
โพสต์โดย Wassana Nanuam เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม 2018
พ.ท.นพ.ภาคย์ กล่าวหลังทดสอบร่างกายกองทัพบก ระดับผู้บังคับกองพัน ครั้งที่ 2 ประจำปี 2561 ว่า วันนี้ยอมรับว่ารู้สึกเหนื่อยเพราะเตรียมตัวมาน้อย หลังเสร็จภารกิจถ้ำหลวงก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลย พึ่งมาออกกำลังกาย 5 วันที่ผ่านมา แต่ที่ผ่านมาก็ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันอยู่แล้วทั้งการซิตอัพ วิดพื้น วิ่ง ว่ายน้ำ ดึงข้อ ซึ่งแต่ละครั้งตนจะไม่ได้ทำอย่างหักโหม แต่จะทำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ขอฝากประชาชนและสื่อมวลชนถ้ามีเวลาก็มาออกกำลังกาย แต่เชื่อว่าทุกคนมีเวลาอยู่แล้ว แค่วิดพื้น 10 ที ใช้เวลาไม่ถึง 1 ครั้ง ก็ให้สะสมวันละ 50-100 ครั้ง ตนขอรับรองภายใน 1-2 อาทิตย์ เกิดความเปลี่ยนแปลงมีความแข็งแรงแน่นอน
“สำหรับการทดสอบร่างกายในวันนี้ ผมมีความพอใจ รวมถึงพี่ๆ และเพื่อนๆ หลายคนผ่านการทดสอบร่างกายคะแนนรวม 100 เปอร์เซ็นต์ และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละครั้ง แสดงว่านโยบายของ ผบ.ทบ. ยอดเยี่ยม เพราะทำให้ผู้บังคับหน่วยทุกคนมีความแข็งแรงขึ้นชัดเจน”
เมื่อถามว่าจะนำนโยบายนี้ไปปรับใช้ที่หน่วยอย่างไร พ.ท.นพ.ภาคย์ กล่าวว่า เมื่อผู้บังคับหน่วยทุกคนมีความแข็งแรง ก็สามารถเป็นตัวอย่างให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาดูได้ ทำให้เขามีความเชื่อถือในการดูแลร่างกายมากขึ้น ทำให้กำลังของกองทัพความแข็งแรง และมีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะปฏิบัติงานในสภาวะยากลำบากได้ทุกภารกิจ รวมทั้งยังมีการทดสอบภาษาอังกฤษด้วยตามมาตรฐาน เพราะผู้บังคับหน่วยจำเป็นต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบภาษาอังกฤษเพราะการสื่อสารกับชาวต่างชาติมีความสำคัญ
“หมอภาคย์” ยังเป็นหมอ ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีทดสอบร่างกายผู้บังคับกองพัน และผู้การกรม 325 นายทั่วประเทศ วิดพื้น 80 ครั้ง ใน 2 นาที ได้เกณฑ์ ลุกนั่ง78 ครั้ง ผ่าน100เปอร์เซ็นต์….ออกตัวเพิ่งกลับมาออกกำลังกาย เพียง5 วัน ก่อนมาทดสอบ หลังเสร็จภารกิจถ้ำหลวงและ ภารกิจต่อเนื่อง
โพสต์โดย Wassana Nanuam เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม 2018
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงการยิ้มของ “หมอภาคย์” ที่มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกครั้ง ว่าทำไมถึงยิ้มเห็นฟันอยู่ตลอด เคยโกรธใครหรือไม่ พ.ท.นพ.ภาคย์ กล่าวว่า ตนก็มีความรู้สึกโกรธอยู่ เพราะทุกคนมีความโกรธอยู่แล้ว เรายังไม่บรรลุธรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังมีความโกรธความเกลียดแต่เราต้องตามอารมณ์ให้ทัน เพราะสิ่งเหล่านี้นอกจากส่งผลกระทบต่อคนอื่นแล้ว ตัวเองยังได้รับผลกระทบด้วย เพราะสภาวะอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจจะทำให้ร่างกายหลั่งสารบางอย่างที่เป็นโทษต่อร่างกายออกมา และที่สำคัญเราจะทำอะไรไม่ได้ดีในช่วงสภาวะอารมณ์ไม่ดี
ดังนั้น ควรมีสติและตามอารมณ์ให้ทัน ต้องพยายามใช้ภาษาทางร่างกายให้ยอดเยี่ยม นั่นคือ การยิ้มเป็นสิ่งหนึ่ง ดังนั้นขอให้ทุกคนลองยิ้มเห็นฟัน แค่ยิ้มเห็นฟันก็ทำให้สดใส และต้องพยายามพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์สร้างสรรค์ก็จะทำให้เราสดใส อีกทั้งจะทำให้คนรอบข้างยิ้มตามไปด้วย และทำให้สังคมมีความสุข ตนก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดี เพราะอะไรที่ไม่ดีเราก็ต้องรู้เท่าทัน ไม่ไปใส่อารมณ์และค่อยๆแก้ไขปัญหา
ขอขอบคุณภาพข่าวและคลิปจากเฟซบุ๊ก Wassana Nanuam