ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสำหรับคนสมัยนี้สังคมออนไลน์ได้กลายเป็นโลกอีกใบและเป็นพื้นที่ที่สามารถแสดงออกในหลายๆด้านทั้งด้านที่สร้างสรรค์ แสดงความสามารถพิเศษ แบ่งปันเรื่องราวดีๆ แต่ก็มีอีกด้านที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือแสดงพฤติกรรมที่หยาบคาย ทัศนคติด้านลบที่กระทบกับผู้อื่นจนได้รับความเดือดร้อน และเสื่อมเสียชื่อเสียง ต้องอับอายต่อสังคม
ยกตัวอย่างจากกรณีที่มีเกรียนคีย์บอร์ดได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและเจตนาหมิ่นประมาทไปยังอีกบุคคลหนึ่งโดยตรง ทำให้ต้องมีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวผู้เสียหายเองและต้องการหยุดพฤติกรรมไม่ให้เกรียนคีย์บอร์ดไปเกรียนใส่ใครในอนาคได้อีก
ในที่นี้กรณีที่ชัดเจนคือผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อเวทีการประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2019 ผ่านเพจเฟซบุ๊ก มิสแกรนด์ไทยแลนด์ พร้อมนำไปตั้งกระทู้วิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อีกทั้งมีการไลฟ์สดวิจารณ์ด้วย ซึ่ง นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้เข้าแจ้งความเอาผิดกับเกรียนคีย์บอร์ดแล้ว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวผู้กระทำผิดมาสอบสวน 3 ราย แต่เดินทางมาตามหมายเรียก 2 ราย โดย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ากระทำไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจผลการตัดสินการประกวด อีกทั้งเป็นแฟนคลับตรงข้าม และไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบ
ซึ่งในประเด็นนี้ทางผู้เสียหายคือ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล และ โกโก้ อารยะ ได้มีการทำข้อตกลงให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนโพสต์ข้อความตามข้อตกลง โดยห้ามโพสต์ข้อความอื่นเป็นเวลา 30 วันพร้อมแท็กมิสแกรนด์ไทยแลนด์ และ โกโก้ อารยะ โดยหลังจาก 30 วันแล้วจะต้องไม่มีการกล่าวละเมิดสิทธิ์ และกระทำผิดกฎหมายอีก ซึ่งถ้าพบว่ากระทำผิดอีกจะมีการดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
สำหรับข้อปฏิบัติทางกฎหมายหากมีการโพสต์ข้อความที่แสดงถึงการหมิ่นประมาทบุคคลนั้นเราสามารถแจ้งความเอาผิดได้ ดังนี้
ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตราที่เกี่ยวข้องกับข้อหา การหมิ่นประมาท
มาตรา 326
ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท
ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 328
ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น (รวมทั้งการโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย)
ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา 393
ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา
ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่ง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 330
ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นการหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้อง รับโทษ แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตราที่เกี่ยวข้องกับข้อหา หมิ่นประมาท
มาตรา 423
ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดีหรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ท่านว่า
ผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่การนั้นแม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริงแต่หากควรจะรู้ได้
ในส่วนของการโพสต์ ทวีต หรือแม้กระทั่ง รีทวีต หรือแชร์ต่อข้อความหมิ่นประมาท และต่อให้ลบไปแล้วก็นับว่า เป็นการกระทำความผิดที่สำเร็จแล้ว หากผู้ที่ได้รับความเสียหาย พบเห็น ก็สามารถฟ้องร้องในเรื่องเหล่านี้ได้เช่นกัน
กรณีที่เป็นผู้เสียหายเมื่อพบเห็นข้อความหรือโพสต์ที่ตนถูกนำไปกล่าวอ้าง
- ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เมื่อสอบสวนเสร็จแล้ว ก็จะส่งสำนวนไปอัยการเพื่อพิจารณาว่าจะฟ้องหรือไม่ หากฟ้องก็ยื่นฟ้องต่อศาล
- จ้างทนายความมาฟ้องด้วยตนเอง แต่กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดพิสูจน์ได้ว่าความหมิ่นประมาทนั้นเป็นจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
การบันทึกหลักฐาน
- ใช้โปรแกรมจับภาพหน้าจอ ถ่ายภาพส่วนที่เป็นข้อความหมิ่นประมาท และบันทึกไว้ทั้งหน้า Facebook ด้วย
- ใช้โปรแกรมถ่ายภาพหน้าจอเป็นวิดีโอบันทึกไว้ หรือ ใช้กล้องที่ถ่ายวิดีโอได้ บันทึกภาพในขั้นตอนการเปิดFacebook และคลิ๊กเข้าไปดูข้อความหมิ่นประมาท เพื่อป้องกันข้อกล่าวหาว่าหลักฐานดังกล่าวเป็นภาพตัดต่อ
ทั้งนี้การโพสต์หมิ่นประมาทนั้นถือว่าไม่ผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 เพราะในมาตราระบุว่า อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
ตามมาตรา 14 ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ข้อที่1 โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
ขอบคุณภาพประกอบจาก เพจ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล – Mr.Nawat Itsaragrisil
อ่านข่าว Bright Today