ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องในเขตกรุงเทพมหานครฯ เมื่อคืนที่่ผ่านมา ทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายจุดทั้งบนทางด่วนและย่านหนองจอก
เมื่อเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา (27 มี.ค.60) ร.ต.อ.สุวิทย์ รตะไชยพัฒน์ รอง สว.(สอบสวน) สน.หนองจอก รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งพลิกคว่ำบริเวณถนนประชาสำราญ ปากซอยประชาสำราญ 3 แขวงและเขตหนองจอก โดยที่เกิดเหตุอยู่ข้างทางเป็นพื้นที่ว่างเปล่ามีป่ารก พบรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีเทา ทะเบียน กง 2028 ฉะเชิงเทรา พลิกคว่ำล้อชี้ฟ้าเสียหายทั้งคัน ข้างรถพบศพ นายนิรุช กุลเกิด อายุ 38 ปี สภาพศพนอนหงายจมกองเลือดสวมเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีแดง-ดำ นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บกระเด็นอออกจากรถเก๋งอีก 6 ราย คือ นายอดิศักดิ์ ศักดิ์วิชิต อายุ 37 ปี, นางวารุณี ศักดิ์วิชิต อายุ 36 ปี, น.ส.นฤมล คำคุ้ม อายุ 22 ปี, น.ส.จิฬาภร บุญแก้ว อายุ 51 ปี, ด.ญ.พรินทิพย์ พสิษฐ์โกศิน อายุ 8 ขวบ และ ด.ช.พีรเมษ์ พสิษฐ์โกศิน อายุ 5 ขวบ เจ้าหน้าที่เร่งส่งรักษาตัว รพ.หนองจอก ก่อนที่ น.ส.จิฬาภร และ ด.ญ.พรินทิพย์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตมีจำนวน 3 ราย
ร.ต.อ.สุวิทย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ขับรถเก๋งคันดังกล่าว เนื่องจากผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกระจัดกระจายออกนอกรถทั้งหมด โดยขณะนี้ยังไม่สามารถทำการสอบสวนได้ ต้องรอให้ผู้บาดเจ็บมีอาการที่ดีขึ้นก่อนถึงจะทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง คาดว่าคนขับรถคันดังกล่าวขับรถมาด้วยความเร็วประกอบกับจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งเพิ่งมีการทำถนนมา และมีผู้โดยสารอัดแน่นมาเต็มคันรถทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำตกร่องน้ำข้างถนน
รถกระบะชนป้ายบอกทางร่วงหล่นเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน แท็กซี่ชนท้ายรถยกคู่ภัยทางหลวงเจ็บ 3 คน
ต่อมาเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันเดียวกัน พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ โตอดิเทพย์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ทางด่วน 2 รับแจ้งเหตุมีรถพุ่งชนเสาป้ายบอกทางพิเศษขนาดใหญ่บนทางพิเศษศรีรัชขาเข้า (กรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่) แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. ส่งผลให้ป้ายบอกทางหล่นลงมาบนพื้นถนนและมีรถที่ขับตามมาประสบอุบัติเหตุซ้ำซ้อนอีกหลายคัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
เมื่อถึงจุดเกิดเหตุช่วงถนนมอเตอร์เวย์ กม.0 ขาเข้าเลยทางเบี่ยงซ้ายลงถนนพระราม 9 พบป้ายบอกทางพิเศษสีฟ้าขนาดใหญ่หล่นลงมาขวางถนนช่องทางขวาสุดใกล้กับพบรถกระบะขนส่งน้ำแข็ง ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ตธ 636 กรุงเทพมหานคร ท้ายกระบะดัดแปลงเป็นตู้เย็นของ บริษัท สุวรรณ์ธารา จำกัด ด้านหลังขนน้ำแข็งมาเต็มคันสภาพพลิกตะแคงขวาด้านหน้าพังยับเยินอยู่กลางถนน โดยมี นายธเนศ ผลาชิต อายุ 21 ปี ชาว ต.เชียงใหม่ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นคนขับรถยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่
ขณะที่เกิดอุบัติเหตุการจราจรเริ่มติดขัดได้มีรถแท็กซี่โตโยต้า สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน มช 3427 กรุงเทพมหานคร เบรกไม่อยู่พุ่งชนท้ายรถบัสนำเที่ยวของ บริษัท เอฟเอ็ม ทรานสปอร์ตและรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ธก 1145 กรุงเทพมหานคร ชนท้ายรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เอชอาร์วี สีดำ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ณ5844 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหายแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
และในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนพิเศษศรีรัชได้ทำการปิดถนนช่องทางขวาก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร มีรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า สีชมพูหมายเลขทะเบียน ทส 506 กรุงเทพมหานครพุ่งชนท้ายรถยกของการทางพิเศษอย่างแรง ทำให้ นายวิทยา นามแก้ว อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นคนขับ พร้อมผู้โดยสารชาวคาซัคสถาน 3 คนได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่นำตัวส่ง รพ.เพชรเวศ
จากการสอบสวน นายธเนศ ผลาชิต คนขับรถส่งน้ำแข็ง ให้การว่า เมื่อช่วงเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมาได้ขับรถคันดังกล่าวมาพร้อมเพื่อนอีก 2 คนนั่งมาในรถมาจากถนนเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ โดยใช้เส้นทางถนนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าไปส่งน้ำแข็งย่านคลองตัน ขณะนั้นมีฝนตกปรอย ๆ ตลอดทาง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุก่อนถึงช่วงทางลงถนนพระราม 9 จู่ ๆ รถบรรทุก 6 ล้อที่ขับนำตนอยู่ด้านหน้าเกิดเบรกกะทันหันทำให้ตนที่ขับตามมาต้องเบี่ยงหลบขวาแต่รถตนมาด้วยความเร็วประกอบกับถนนลื่นจากฝนที่ตกลงมาทำให้เบรกไม่อยู่รถพุ่งปีนแท่งแบริเออร์ชนกับเสาป้ายบอกทางจนหักลงมาทั้งต้นก่อนรถพลิกตะแคงดังกล่าว โชคดีที่ตนและเพื่อนร่วมงานอีก 2 คนไม่ได้รับบาดเจ็บ
พ.ต.ท.เอกศิษฏ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเสาของป้ายบอกทางได้รับความเสียหายทั้งต้น ต้องดำเนินการรื้อถอนป้ายออกไป ในเบื้องต้นแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย
ส่วนค่าเสียหายนั้นต้องประสานทาง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพมหานคร จำกัด (มหาชน) ให้มาตรวจสอบและประเมินค่าเสียหายอีกครั้ง และในส่วนของคดีความต้องทำการสอบสวนคนขับรถส่งน้ำแข็งและตรวจสอบกล้องวงจรปิดหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนพิเศษศรีรัชได้ปิดการจราจรช่วงทางขึ้นทางด่วนก่อนนำรถยกมาเคลื่อนย้ายรถส่งน้ำแข็งและป้ายบอกทางที่ล้มกีดขวางถนนท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถทำการย้ายสิ่งกีดขวางแล้วเสร็จ ส่งผลให้การจราจรช่วงบริเวณถนนมอเตอร์เวย์ขาเข้าติดขัดเป็นอย่างมาก