Home » ข่าว » สังคม » เรียก 5 กรรมการ-นิติบุคคล PayAll รับทราบข้อกล่าวหา 3 มี.ค.นี้
หลังจากเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เพื่อขอให้ดำเนินคดี กับ
บริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด ที่มี นายรัฐภูมิ หรือฟิล์ม โตคงทรัพย์ นักร้องนักแสดงชื่อดัง เป็นประธานบริษัท เนื่องจากบริษัทเพย์ออลเป็นผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์ในการทำธุรกิจชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-มันนี่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ธปท.
โดยพลตำรวจโทฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนและตัวแทนจาก ธปท.และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งก่อนการประชุม พลตำตรวจตรีชวลิต แสวงพืชน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า วันที่ 3 มีนาคม 2560 เวลา 13.00น . เจ้าหน้าที่จะเรียกกรรมการ 5คน และนิติบุคคลของบริษัทมารับทราบข้อกล่าวหาที่ปอศ. ในข้อหาให้บริการอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจากการรวบรวมหลักฐาน พบว่า บริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจไม่ถูกต้อง ส่วนจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะยังไม่มีสมาชิกของบริษัทเข้าร้องทุกข์ ขณะนี้พบเพียงความผิดเกี่ยวกับการให้บริการอย่างเดียว
ด้าน นายพฤตธิพงษ์ ศรีมาจันทร์ ผู้ช่วยผู้ว่าการฝ่ายช่วยงานบริหารธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทธุรกิจอีมันนี่ จะมีระเบียบขั้นตอน โดยต้องมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท และกำหนดวันเวลาคืนผลตอบแทนให้สมาชิกอย่างชัดเจน และเมื่อรับเงินจากสมาชิกแล้วจะต้องมีการจัดเก็บและทำบัญชีอย่างชัดเจนเช่นกัน แต่ในส่วนของบริษัท เพย์ออล นี้ มีการฝ่าฝืนทั้งหมด จึงเข้าร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบบริษัทที่กระทำความผิดในลักษณะนี้พบว่ามีเพียง บริษัท เพย์ออล ที่เข้าข่ายความผิดเพียงบริษัทเดียว หากประชาชนมีเบาะแสหรือพบบริษัทที่เข้าข่าย สามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 1213
ด้าน นายณัชภัทร ขาวแก้ว นิติกรชำนาญการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2555 บริษัท เพย์ออล ได้เคยจดทะเบียนในนาม บริษัท นาน่า คอเปอร์เรชั่น จำกัด ซึ่งขออนุญาตเป็นบริษัทขายตรงจำหน่ายผลิตภัณท์ประเภทอาหารเสริมและเครื่องสำอาง รวม 6 รายการ จากนั้นเมื่อปี2558 ได้มาขออนุญาตกับ สคบ.และกรมการค้าภายใน เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด พร้อมกับปรับแผนการทำงานเป็นบริการแบบอีมันนี่ ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาต แต่กลับให้บริการกับผู้บริโภคก่อน จึงเข้าข่ายการกระทำผิด ทั้งนี้ได้มีการเชิญ กรรมการ และนิติบุคคล มาเปรียบเทียบเสียค่าปรับรายละ 300,000บาท รวมเป็นเงิน 1,800,000 บาท
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่ต้องการยกเลิกการเป็นสมาชิก หรือยกเลิกสินค้า สามารถดำเนินการได้ระเบียบ โดยบริษัทจะต้องจ่ายค่าสมาชิกคืนภายใน 15 วัน สำหรับผู้บริโภคสามารถคืนสินค้าได้ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่รับสินค้า และหลังจากนี้หากพบว่าบริษัทยังโฆษณาทั้งทางเว็บไซต์หรืออินเตอร์เน็ตจะเข้าข่ายมีความผิดซ้ำ และจะดำเนินคดีอีกข้อหา อย่างไรก็ตามถือว่าขณะนี้ บริษัทเพย์ออล ได้หยุดบริการเกี่ยวกับอีมันนี่ แล้ว