ชาวบ้าน 5 หมู่บ้านที่ จ.บุรีรัมย์ กว่า 80 ครัวเรือน หันมายึดอาชีพแปรรูปปลาส้ม ปลาแดดเดียว และปลาข้าวคั่วด้วยสูตรภูมิปัญญาชาวบ้าน ขายทั้งปลีกและส่งลูกค้าทั้งในและต่างจังหวัด สร้างรายได้ดีวันละ 3–4 พันบาท จากเมื่อก่อนต้องทิ้งถิ่นฐานอพยพไปขายแรงงานต่างจังหวัดมีรายได้ไม่แน่นอน
24 ม.ค.60 ชาวบ้าน 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ.เสม็ด ม.1 , บ.ข่า ม.8 , บ.โนนพลอย ม.19 , บ.โคกเพชร ม.2 และ ม.7 ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ กว่า 80 ครัวเรือน หันมายึดอาชีพแปรรูปปลาสดที่รับต่อมาจากแม่ค้าคนกลาง เช่น ปลานิล สวาย ยี่สก และปลาตะเพียน มาแปรรูปเป็นปลาส้ม ปลาแดดเดียว และปลาข้าวคั่ว ด้วยสูตรแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน
สำหรับขั้นตอนการหมักปลาส้มจะนำปลาสดที่ซื้อมาล้างให้สะอาดทิ้งไว้สักพักให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปหมักเกลือทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง จากนั้นนำข้าวเหนียวที่คลุกเคล้ากับกระเทียมสด กระเทียมดอง และผงปรุงรสเพื่อเพิ่มรสชาติไปเทหมักใส่ปลาที่ผ่านการแช่น้ำเกลือแล้วก็จะได้ปลาส้ม ส่วนปลาข้าวคั่วหลังแช่น้ำเกลือแล้วก็นำไปคลุกกับข้าวคั่ว ปลาแดดเดียวนำไปตากแดดให้แห้งพอเหมาะ จากนั้นนำไปบรรจุใส่ถุงเพื่อเตรียมส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าทั้งในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ โดยหากเป็นปลานิลส้มหรือปลานิลข้าวคั่วจะขายส่งตัวละ 9 บาท ขายปลีกตัวละ 12 บาท ปลาจีนส้มถุงละ 30 บาท ตะเพียนถุงละ 50 บาท เฉลี่ยชาวบ้านจะมีรายได้จากการแปรรูปปลาส้ม ปลาแดดเดียว และปลาข้าวคั่วขายวันละ 3–4 พันบาทต่อครัวเรือน หักต้นทุนค่าใช้จ่ายแล้วก็จะเหลือวันละ 1 – 2 พันบาท ซึ่งถือเป็นอาชีพที่มั่นคงสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี จากเมื่อก่อนหลังเสร็จฤดูทำนาชาวบ้านส่วนใหญ่ก็จะทิ้งถิ่นฐานอพยพไปขายแรงงานต่างจังหวัด แต่ก็มีรายได้ไม่มั่นคงแน่นอน
นางเฉลา พันธุ์แตง อายุ 50 ปี ชาวบ้าน บ.โคกเพชร บอกว่า เมื่อก่อนไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ แต่มีรายได้ไม่แน่นอนทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บ จึงตัดสินใจกลับมาบ้านก็เห็นชาวบ้านแปรรูปปลาขายมีรายได้ จึงชวนสามีทำทั้งปลาส้ม ปลาแดดเดียว และปลาข้าวคั่ว ซึ่งสูตรหรือขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยากเพราะเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เคยทำรับประทานก็ดัดแปลงทำขาย กระทั่งมีลูกค้าขาประจำ แต่ละวันจะทำส่งขาย 200 – 300 กิโลกรัม ทำให้มีรายได้เฉลี่ยวันละ 3 – 4 พันบาท หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือ 1 – 2 พันบาท ถือเป็นอาชีพที่มั่นคงและรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี